5 เทคนิคเลือกรูปใส่โฆษณาเฟสบุ๊ค (จะไม่ขาดทุนอีกต่อไป)

โพสต์นี้ต่อเนื่องมาจากโพสต์ที่แล้วที่พูดถึง การทำยังไงให้ประหยัดค่า โฆษณาใน Facebook ลงนะครับ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านและสนใจ คลิกตรงนี้เลยได้ครับ
ก่อนอื่นเลย ผมอยากจะมาอธิบายให้คุณฟังก่อนว่า ทำไมรูปโฆษณาถึงมีความสำคัญขนาดนั้น
กลุ่มจิตวิทยาแห่งประเทศอังกฤษได้วิจัย โดยการที่เอารูปตาของคนมาติดไว้ข้างๆกับกล่องบริจาค ผลปรากฎว่าทางผู้รับบริจาคได้เงินมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าใครสนใจและอ่านภาษาอังกฤษได้ ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ วิจัยค่อยข้างน่าสนใจเลยทีเดียว
เห็นไหมครับว่าแค่รูปตาแค่นี้จะมีผลกระทบกับคนได้ขนาดนี้ อันนี้เป็นแค่หนึ่งในวิจัยหลายๆฉบับที่ผมอ่านมานะครับ
โดยเฉพาะตอนนี้ที่คุณกำลังโฆษณาบน Facebook ที่ๆคนจะสนใจหรือไม่สนใจโฆษณาของคุณ ขึ้นอยู่กับรูปโฆษณาล้วนๆ อันนี้เราต้องมาเจาะลึกกันเลยครับว่า เลือกรูปยังไงดีให้ได้ผลดีที่สุด
บทความนี้มีอะไรบ้าง
เคล็ดลับเด็ด #1: เลือกรูปที่สื่อถึงอารมย์
มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ใช้อารมย์เพื่อการใช้ชีวิตครับ ลองนึกถึงโฆษณาทีวีที่เราจะได้ดีที่สุดสิครับ ถ้าไม่ฮามากๆ ก็เป็นตัวที่ซึ้งๆไปเลย
ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาของบริษัทประกันหลายๆที่ทำให้เราติดตาติดใจและคนทั้งโลก ก็คือโฆษณาที่เข้าถึงอารมย์ของเราได้ใช่ไหมล่ะครับ?
ตัวอย่างโฆษณาเข้าถึงอารมย์:
วิดีโอแบบนี้แหละครับที่คนจะจำแล้วกลับมาดูซ้ำครับ ไม่ใช่วิดีโอที่เน้นแต่โฆษณาอย่างเดียวและคนดูแค่ 2 – 3 ครั้งแค่นั้นจบ
โฆษณาประกันของบ้านเราเป็นที่โด่งดังทั่วโลกเลยนะครับ เพราะต่างประเทศก็เอาไปแชร์เยอะเหมือนกัน เพราะอะไรครับ? เพราะว่าคนเราสมองทำงานแบบเดียวกันไงครับ ถ้าเข้าถึงอารมย์ของเรา เราก็จะอยากดูต่อเรื่อยๆครับ
เรากลับมาพูดถึงเรื่องการเลือกรูปกับต่อเลยครับ พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่ารูปที่สื่อถึงอารมย์ก็จะเหมือนวิดีโอที่สื่อถึงอารมย์ครับ มันจะได้ผลมากกว่ารูปทั่วไป
ตัวอย่างของรูปที่สื่อถึงอารมย์ (ภาพเล็กไปหน่อย แหะๆ)

เป็นรูปเพื่อนที่เพื่อนกอดกันดูมีความสุขครับ ปกติรูปภาพแบบนี้จะทำให้เราหยุดดูโฆษณาแบบนี้ครับ เพราะว่าอันดับแรกเราจะเกิดความสงสัยก่อนว่าในรูปนี้มันมีอะไร
หลังจากนั้นเราค่อยมาอ่านว่าโฆษณานี้คืออะไรครับ
เรามาดูตัวอย่างอีกตัวกันครับ

เป็นโฆษณาที่ผมเดาว่าเจาะจงกลุ่มคนที่กำลังจะสร้างครอบครัวครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้รูปนี้ด้วยเพราะว่า App ไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัวเลย
กลับกลายเป็น App เกี่ยวกับการแชร์ความลับแบบไม่แสดงตัวตนซะงั้น ฮ่าๆ แต่ก็พอจะเห็นภาพใช่ไหมครับว่าสิ่งแรกที่เราสนใจเลยก็คือรูปครับ เราไม่ได้สนใจคำอธิบายจนกว่าจะอ่านรูปไปสักนิดหนึ่งแล้วครับ
เคล็ดลับเด็ด #2: เลือกรูปที่มีสีตัดกันเพื่อที่จะดึงดูดความสนใจ
เราต้องจำไว้นะครับว่า ตอนที่เราโฆษณาบน Facebook เนี้ย เราไม่ได้แข่งกับแค่โฆษณาอื่น แต่เราแข่งกับ Youlike, อัพเดทเพื่อนของกลุ่มลูกค้า และอะไรอีกหลายอย่างที่พยายามจะแย่งความสนใจไปจากโฆษณาคุณอยู่
กฎหลักก็คือตอนที่กลุ่มเป้าหมายของคุณเลื่อนๆลงมาใน Feed และเห็นโฆษณาของคุณสัก 2 – 3 วินาที เขาก็อาจจะหยุดดูครับ นั้นแหละครับถึงจะเรียกว่าโฆษณาที่ดีครับ
เราเลยต้องใช้รูปโฆษณาที่มีสีตัดกัน หรือสีฉูดฉาดหน่อยครับ ถึงจะได้ความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ เพราะ Feed ในเฟสบุ๊คจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างจะสูงครับ

เห็นไหมครับว่าบริษัท Nike ใช้รูปที่มีสีฉูดฉาดมากครับ เลื่อนๆผ่านหน้า Feed ต้องหยุดดูแน่นอนครับเพราะว่าสีสันมันน่าดูและข้อความบนโฆษณาก็มีน้อยมากครับ
เรามาดูตัวอย่างต่อไปกันเลยครับ
ตัวอย่างที่ 2:
ผมใช้โฆษณาของบริษัท G2 Crowd เป็นตัวอย่างค่อนข้างจะหลายรอบแล้วครับ ผมคิดว่าเขาทำโฆษณาอันนี้ออกมาได้ดีเลยครับ
เพราะว่าจุดสนใจของโฆษณาและคำบรรยายโฆษณาของเขาอยู่ในรูปเลย ถ้าเห็นแค่แว๊บเดียว คุณก็จะเข้าใจได้ครับว่าโฆษณานี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร

ไหนๆเราก็มาพูดถึงเรื่องสีฉูดฉาดกันไปแล้วนะครับ เรามาดูกันก่อนเลยดีกว่าครับว่าแต่ละสีมันมีความหมายยังไงเพื่อคุณจะสามารถนำไปใช้กับโฆษณาของคุณได้
เรามาดู Infographic ข้างล่างนี้กันเลยครับ

จะเห็นนะครับว่าสีแต่ละสี จะกระตุ้นอารมย์ที่แตกต่างกันออกไปครับ เรามาดูกันครับว่าในแต่ละสีจะมีความหมายอะไรบ้าง (ผมแปลให้ครับ)
สีเหลือง: รู้สึกไปในทางที่ดี, รู้สึกชัดเจน, รู้สึกอบอุ่น
สีส้ม: รู้สึกเป็นมิตร, รู้สึกอารมย์ดี, รู้สึกมีความมั่นใจ
สีแดง: รู้สึกตื่นเต้น, รู้สึกกระปี้กระเป่า, รู้สึกกล้า
สีม่วง: รู้สึกมีความคิดสร้างสัน, รู้สึกเผ้อผัน, รู้สึกมีสติปัญญา
สีน้ำเงิน: ความเชื่อถือ, รู้สึกว่าพึ่งพาได้, แข็งแกร่ง
สีเขียว: รู้สึกสงบ, รู้สึกถึงการพัฒนา, รู้สึกถึงสุขภาพ
สีเถา: รู้สึกถึงความสมดุล, รู้สึกกลางๆ, รู้สึกสงบ
ลองคิดดูนะครับ ว่าอยากจะให้โฆษณาของคุณสื่อถึงอารมย์แบบไหน แล้วเลือกสีนั้นดูครับ และอีกอย่างหนึ่งก็คือผมแนะนำให้ไปทำ A/B testing ด้วยนะครับว่าโฆษณาสีอะไรถึงจะได้ผลดีที่สุด
เคล็ดลับเด็ด #3:ใส่ส่วนลดหรือโปรโมชั่นลงไปด้วย
อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ เพราะคอนเซ็บก็คือเราให้ลูกค้าเห็นรูปโฆษณาของเราแล้วเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร โดยที่ไม่ต้องไปกดอ่านเพิ่ม
อย่างที่ผมบอกไปครับว่าโฆษณาที่ดีก็คือโฆษณาที่คุณสามารถดูแค่ 2 – 3 วินาทีหรือดูผ่านๆก็สามารถรู้ได้ครับว่าโฆษณาต้องการสื่อถึงอะไร
ตัวอย่างที่ #1

เห็นไหมครับว่าในโฆษณานี้ เขาได้ใส่ส่วนลด 20% เข้าไปในโฆษณา ถ้าคุณแค่เลื่อนๆ ผ่านคุณก็จะเห็นใช่ไหมครับว่าจะมี เสื้อยืด + ส่วนลด คุณก็จะเข้าใจทันทีว่ามันคือโฆษณาเกี่ยวกับอะไรครับ
ตัวอย่างที่ #2

ในตัวอย่างนี้ผมใช้โฆษณาของบริษัท Jabong ที่โฆษณาให้กับรองเท้า Nike อีกแล้วครับ เพราะว่าผมคิดว่าเขาใช้โฆษณานี้ได้ดีครับ
เพราะว่าโฆษณาไม่ได้มีตัวหนังสือเยอะเกินไปจน Facebook ไม่ชอบครับ (กฎ 20%)
เคล็ดลับเด็ด #4: ใช้รูปที่กลุ่มเป้าหมายไม่คาดว่าคุณจะใช้
อย่างที่ผมเคยพูดถึงเรื่องสมองเราจะไม่อยากจะสังเกตอะไรที่เราเห็นบ่อยๆแล้ว หรือเรียกแบบภาษาบ้านๆคือ สมองเรามันชินแล้วนั่นเอง ถ้าสมมุติว่าคุณนึกถึงโคนม คุณจะนึกถึงโคนมที่เป็นที่ขาวแล้วมีจุดเป็นสีดำใช่ไหมครับ?
คราวนี้ถ้าคุณบังเอิญขับรถไปเจอโคนมที่เป็นสีชมพูหล่ะครับ? คุณต้องตกใจและอยากจะถ่ายรูปแน่เลยใช่ไหมครับ?
ผมรับรองว่าคุณคงไม่มีวันลืมโคนมสีชมพูตัวนั้นแน่เลย
ในทางโฆษณาก็เหมือนกันครับ ถ้าคุณใช้รูปที่แปลกออกไป คุณจะสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าคุณได้แน่นอนครับ
ถ้าคุณเห็นโฆษณานี้คุณจะหยุดดูไหมครับ ว่ามันคืออะไร?

เทคนิคนี้ใช้ได้ผลเพราะว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นรูปแปลกๆแบบนี้ครับ ถ้าเขาเห็นเขามีโอกาสที่จะหยุดดูได้เยอะครับ
อย่างที่ผมเคยบอกไปก็คือว่าการทำโฆษณาใน Facebook ส่วนสำคัญที่สุดก็คือการที่คุณสามารถทำให้คนที่เลื่อนๆผ่านดูอะไรชิวๆ สามารถหยุดดูโฆษณาของคุณได้ครับ
ถ้าคุณทำได้ ก็ถือว่าโฆษณาของคุณสำเร็จไปแล้ว 60% ครับ
เคล็ดลับเด็ด #5: ใช้รูปคน ตั้งแต่คอขึ้นมาถึงหัว (รูป headshot)
ถ้าเราเห็นรูปคนขึ้นมา อันดับแรกที่เราจะรู้สึกคือ เราจะรู้สึกอยากจะรู้ว่าคนๆนี้เป็นอะไรหรือเปล่า หรือเขาเป็นใครทำไมถึงขึ้นมาอยู่หน้า Facebook ของเรา?
มันเป็นหนึ่งในวิธีที่เราสามารถดึงความสนใจของกลุ่มลูกค้าเพื่อที่จะหยุดดูโฆษณาของเราได้ครับ
ตัวอย่างของโฆษณาที่ใช้รูป headshot ครับ

การดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแค่สั้นๆก็มีความหมายครับ เพราะฉะนั้นการที่คุณเลือกใช้รูป headshot ที่เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะทำให้โฆษณาของคุณมีคุณภาพและได้ผลมากขึ้นครับ
ตาคุณเอาไปลองแล้ว!
โฆษณาของคุณจะรุ่งหรือจะร่วงขึ้นอยู่กับรูปที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะฉะนั้นลองเอาสิ่งที่อ่านไปตอนนี้เอาไปลองคิดดู แล้วค้นดูว่าคุณมีรูปอะไรเจ๋งๆที่สามารถใช้ได้หรือเปล่า
สำหรับโพสต์นี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ถ้ามีคำถามอะไร ถามผมมาได้ตลอดเลยครับ ผมจะพยายามตอบทุกๆคำถามครับ
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- 87 สถิติที่คุณต้องรู้ (ถ้าทำโฆษณาใน Facebook)
- 43 ตัวอย่างโฆษณา Facebook ที่ (เจ๋งจนต้องร้องขอชีวิต) สำหรับปี 2018
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
สำหรับวันนี้ขอให้คุณโชคดีและรวยๆขึ้นครับ 🙂
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment