7 เทคนิคไว้ทำโฆษณา (Facebook)ให้กับ ”สินค้าเสริมความงาม”

ตั้งแต่ที่ผมทำๆ โฆษณามา ธุรกิจที่ผมเห็นปังที่สุดธุรกิจหนึ่งก็จะเป็นเกี่ยวกับความสวยความงามเนี้ยแหละครับ
มันมีเยอะจริงๆ ครับ เพราะว่าลูกค้าผมเดือนๆหนึ่งมีอยู่ประมาณ 200+ กว่าราย เป็นธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามกว่า 90+ รายครับ ถือว่าเยอะมากๆ ในสายงานของผม (แต่ผมไม่รับแบรนด์ที่แข่งกันนะครับ ผมทำแบบนั้นกับลูกค้าตัวเองไม่ได้ ฮ่าๆ)

เพราะฉะนั้นผมเข้าใจครับว่าการแข่งขันมันสูงแค่ไหน เพราะว่าผมใช้เวลาเยอะมากกับการปั้นแบรนด์ความสวยความงามพวกนี้ครับ
วันนี้ผมเลยอยากจะเขียนบทความมาให้กับคุณได้อ่านครับ เพื่อที่คุณจะสามารถเอาไปทำแบรนด์ของตัวเองได้ครับ
บทความนี้มีอะไรบ้าง
สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเริ่มทำโฆษณา
ตัวนี้สำคัญมากครับ เพราะว่าหลายๆคนที่เริ่มทำโฆษณาให้กับแบรนด์ของตัวเอง ส่วนใหญ่ผลีผลามเข้าไปเลย ไม่ได้มีแผนอะไรเอาไว้
เพราะว่าการทำโฆษณาให้กับสินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงาม มันจะมีอะไรบางอย่างที่ผมอยากจะให้เข้าใจกันก่อน ก่อนที่จะเริ่มทำโฆษณากันครับ
- สินค้าเกี่ยวกับความสวยความงามมีคู่แข่งเยอะ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะทำโฆษณาเก่ง เพราะฉะนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด
- ต้องใช้เวลาและความอดทนนิดหน่อย เพราะว่ามันจะไม่เห็นผลทีเดียว ต้องยิงโฆษณาไปสักพัก กว่าจะเริ่มเห็นผล อย่าหยุดโฆษณาก่อน
- กลุ่มเป้าหมาย ไม่จำเป็นต้องแคบเสมอไป กว้างๆก็ได้ ถึงแม้สินค้าจะเจาะจง
- เตรียมค่าโฆษณาไว้อย่างน้อยโฆษณาละ 300 บาท/วัน ไม่อย่างงั้นจะไม่เห็นผลง่ายๆ
- อย่ายิงโฆษณามั่ว โดยที่ไม่มีแผน เพราะว่าคู่แข่งเยอะ จะเสียค่าโฆษณาไปแบบไม่รู้ตัวได้เอาง่ายๆ
พอจะเข้าใจกันแล้ว เดี๋ยวผมจะมาเข้าเนื้อหาในบทความนี้กันเลยครับ คุณจะได้นำเอาไปปรับใช้ได้กับธุรกิจของคุณเองครับ
ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงไอเดียของกลุ่มเป้าหมายที่คุณจะสามารถนำไปใช้ได้เลยนะครับ ถ้าคุณอยากจะเข้าใจเรื่องกลไกลของการสร้างโฆษณา คุณต้องอ่านบทความนี้ครับ
ในบทความนี้ผมจะคุยถึงกลไกลในการทำโฆษณา และทำยังไงให้มันได้ผลครับ คุณจะได้เข้าใจและทำโฆษณาเองได้ครับ
ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยครับ
เทคนิคโฆษณา Facebook #1: เจาะจงกลุ่มกว้างๆ ไว้ก่อน
อย่างที่ผมบอกไปครับ กลุ่มเป้าหมายจริงๆ แล้ว ในสินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ไม่ต้องเจาะจงแคบเกินไปครับ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ
คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกครับว่ากลุ่มเป้าหมายพวกไหนที่เขาจะเป็นกลุ่มที่แท้จริงของคุณ เพราะฉะนั้นต้องยิงโฆษณาไปก่อนครับ
จำไว้นะครับว่าการยิงโฆษณาช่วงแรกๆ ต้องมองว่ามันคือการจับจุดของกลุ่มเป้าหมายครับ ทดสอบไปเรื่อยๆก่อน

นี้คือกลุ่มเป้าหมายที่ผมและทีมงานทำให้กับลูกค้าที่ธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามครับ ลองดูนะครับว่าผมทำยังไง
จำได้ไหมครับว่าผมเคยบอกไปว่ากฎของผมก็คือต้องให้กลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ราวๆ 300,000–500,000 แต่ทำไมตัวนี้ถึง 9,500,000 กว่าคน?
ก็เพราะว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของการทดลองกลุ่มเป้าหมายครับผม คุณจะพยายามดันกลุ่มเป้าหมายให้มันแคบลงไปกว่านี้ทีหลังครับ ตอนนี้ยิงกว้างๆ ไปก่อนครับ
นี้คือกลุ่มเป้าหมายที่เราทำหลังจากทดลองกลุ่มเป้าหมายมาได้สักพักแล้วครับ

จริงๆ ตัวเลขมันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200,000+ กว่าๆ ครับ แต่นี้มันไม่ได้โชว์ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ทีมงานผมทำให้มันแคบลงมาเยอะมากครับ
เราจะเห็นนะครับว่าการทำโฆษณาให้กับสินค้าความสวยความงาม ไม่ควรที่จะเริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่แคบก่อนครับ ต้องเริ่มจากกว้างๆ ก่อน แล้วค่อยทำให้มันแคบทีหลังครับ
ผมแนะนำให้ลองศึกษาเกี่ยวกับการใช้ Audience Insights ก่อนนะครับ ถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ผมพูดเท่าไหร่ เพราะว่ามันสำคัญมากกับการทำกลุ่มเป้าหมายออกมาให้มันดีครับผม
สินค้าพวกเสริมความงามจะมีคู่แข่งอยู่เยอะครับ ถ้ายิงโฆษณาไปได้ไม่ดีขึ้นมา เราก็อาจจะโดนคู่แข่งกินกันง่ายๆ ครับ แต่ที่จะโดนกินแน่ๆ ก็คือค่าโฆษณา Facebook เนี้ยแหละครับผม ฮ่าๆ
เทคนิคโฆษณา Facebook #2: เจาะจงคนที่มีการศึกษา
ตรงนี้โดยทั่วไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ ตั้งแต่ Facebook ปรับระบบอะไรของเขาเรื่อยๆ ทำให้มันยิงโฆษณาได้ยากขึ้นครับ
เราจะเห็นนะครับว่าถ้ายิงโฆษณาไปโดยที่ไม่ได้ทำ Targeting ที่มันดีๆ เราจะไปยิงโฆษณาโดนใส่กลุ่มคนที่ดูๆ ไปแล้ว ไม่น่าจะมีกำลังซื้อแน่นอนครับ
ประมาณว่าคุณขายสินค้าราคาสูงหน่อย 1,000+ ดันไปเจอเด็กแว้นที่ดูๆแล้ว ไม่น่าจะมีกำลังซื้อแน่นอนครับ
เพราะว่าในการปรับระบบของ Facebook ตอนช่วงมกราคมปี 2018 เนี้ย เขาจะเน้นอยากให้คนยิงโฆษณาได้แม่นขึ้นครับ
เขาเลยปรับให้คุณต้องใช้ Targeting ให้ดีๆ เท่านั้น มันถึงจะยิงถูกกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการครับ ยิงมั่วๆเหมือนก่อนไม่ได้แล้วครับ เพราะถ้ามันกว้างเกินไป มันจะไปโดนกลุ่มเป้าหมายอย่างที่ผมว่าครับ
ดังนั้นตอนนี้ผมเลยแนะนำให้ใช้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนมีการศึกษาครับ ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองดูไปตามผมเลยนะครับ

จะเห็นนะครับว่าในโฆษณานี้ ทีมงานผมใช้คำว่า College grad และ In college ครับ ถ้าแปลเป็นไทยง่ายๆเลยก็คือ คนที่จบมหาวิทยาลัยแล้วกับคนที่กำลังเรียนอยู่ครับผม
จริงๆใช้เป็นภาษาไทยก็ได้นะครับ ไม่ได้มีผลอะไรเลยครับ เพราะว่าเฟสบุ๊คเขาแปลภาษาของตัว Targeting ไปในตัวอยู่แล้วครับผม
เพราะฉะนั้นลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันนะครับ เพราะว่าจากประสบการณ์ผมแล้ว 9/10 ครั้ง ได้ผลครับผม
เทคนิคโฆษณา Facebook #3: ไม่จำเป็นต้องเลือกอายุ
จริงๆ แล้ว คนที่ทำโฆษณาก็อาจจะคิดว่าการทำโฆษณามันต้องเจาะจงไปซะทุกอย่าง อยากจะให้กลุ่มเป้าหมายมันแคบไว้ก่อน
มันก็เป็นไปได้นะครับ แต่ตั้งแต่เฟสบุ๊คเปลี่ยนระบบมาเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วครับ
ถึงแม้คุณจะใช้ Targeting ดียังไง มันก็ยังจะมีคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณโผล่ออกมาอยู่ดีครับ ไม่ใช่ว่าคุณทำมาไม่ดีหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะเฟสบุ๊คเอาคนมาคละๆ กันครับ

ถ้าคุณยังเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการทำกลุ่มเป้าหมายหรือยิงโฆษณาไม่ค่อนเซียนเท่าไหร่ ผมแนะนำให้คุณยิงโฆษณาไปแบบกว้างๆก่อนครับ รวมทั้งการตั้งค่าอายุของกลุ่มเป้าหมายด้วยครับ
เพราะว่าเฟสบุ๊คเขามีระบบ Auto Optimization ที่จะช่วยปรับและพัฒนากลุ่มเป้าหมายให้เราโดยอัติโนมัติอยู่แล้วครับ
หลังจากทำไปได้สักพักแล้ว คุณค่อยมาดูครับว่าคนกลุ่มไหนที่มีผลตอบกลับโฆษณาของคุณมากที่สุดครับ

คุณสามารถเข้าไปที่ Audience Insights ในบัญชีจัดการโฆษณาของคุณแล้วเข้าไปดูได้เลยครับว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณที่เข้าถึงโฆษณาคุณ ส่วนใหญ่แล้วมีอายุที่ประมาณเท่าไหร่กันครับ
การทำโฆษณาช่วงแรกๆ ก็อาจจะเสียเงินไปก่อนครับ เพื่อจะเก็บ Data เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายครับ แต่ถ้าผ่านไปสักพักแล้ว คุณก็จะสามารถยิงโฆษณาได้ง่ายกว่านี้เองครับผม ช่วงแรกๆ ต้องทนหน่อย ฮ่าๆ

นี้เป็นการทำ Targeting ของเราให้กับสินค้าที่ค่อนข้างจะเจาะจงครับ แต่อย่างที่เห็นว่าเราไม่ได้ใช้กลุ่มเป้าหมายอะไรที่มันเน้นขนาดนั้น
ในการทำกลุ่มเป้าหมายให้กับสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงาม มันอาจจะต้องใช้เวลาเจาะ และทดลองเยอะหน่อยครับผม
เทคนิคโฆษณา Facebook #4: เจาะจงคนที่ยังโสด
โดยปกติทั่วไปแล้ว คนที่ทำโฆษณาก็คงจะไม่ค่อยนึกถึงตัว Targeting ตัวนี้เท่าไหร่ใช่ไหมครับ? แต่จริงๆ แล้ว มันมีประโยชน์มากกว่าที่คิดครับ
เพราะว่าจากประสบการณ์ของผมที่ทำโฆษณาให้กับบริษัทที่ทำสินค้าเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามก็จะรู้อยู่แล้วว่าการที่ทำโฆษณาไปให้กับคนทั่วไปมันไม่ได้ผลเท่ากับการที่เจาะจงคนที่โสดไปเลยครับ
คนที่โสดไปเลย เขาจะมีความตื่นตัวในการอยากจะหาแฟนมากกว่าคนที่แต่งงานแล้วหรือมีแฟนอยู่แล้ว จริงไหมครับ?

นี้คือจำนวนคนโสดในประเทศไทยของเราครับ เราจะเห็นว่าผู้หญิงจะเยอะกว่าผู้ชายตามอัตราสัดส่วนแล้วครับ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องห่วงเรื่องกลุ่มเป้าหมายจะเล็กเกินไปแน่นอนครับ

ผมลองไปเช็คมาให้ครับ ในประเทศไทยเรา ผู้หญิงที่ขึ้นสถานะว่าเป็นโสด (อาจจะจริงหรือไม่ อันนี้ก็อีกเรื่องนะครับ ฮ่าๆ) มันมีอยู่ประมาณ 4–4.5 ล้านคนครับผม
เราจะเห็นว่ามันใหญ่มากพอสมควรครับ แล้วเราลองมาดูคนที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องเครื่องสำอางดูครับผม

เห็นไหมครับ มันก็ยังเห็นว่ามีอยู่ 3.5–4 ล้านคนอยู่ดีครับผม ใหญ่มากพอสมควรเลยใช่ไหมครับผม?
จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะอยู่กันที่อายุประมาณ 18–34 ครับ ตรงนี้ถ้าอยากจะดูว่าเขาจะมีกำลังซื้อหรือเปล่า อันนี้ต้องลองดูกันอีกทีครับผม
จะดูเรื่องกำลังซื้อตรงนี้ ผมแนะนำให้เลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีการศึกษานะครับผม เหมือนที่ผมพูดไปตอนแรกครับ มันจะช่วยตัดคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายกันไปได้เยอะเหมือนกันครับ
เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายมันกว้าง มันก็อาจจะทำให้เราหว่านแหไปเจอคนที่ไม่ถูกได้เหมือนกันครับผม
เทคนิคโฆษณา Facebook #5: ใส่ Targeting อย่างน้อย 2 ชั้น
ตัวนี้พูดไปอาจจะยังไม่เข้าใจครับ ผมขอมาอธิบายคร่าวๆให้ฟังก่อนนะครับ เพราะส่วนตัวผมทำๆมาผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าเขาเรียกว่าอะไรกัน รู้แต่ว่ามันเป็นยังไงเท่านั้นเองครับ
การใส่ความสนใจในการทำโฆษณามันจะมีอยู่หลายแบบครับ จะสามารถใส่ความสนใจทั้งหมดไปในช่องเดียวกันได้เลยหรือจะแยกชั้นใส่ก็ได้ครับ

ประมาณนี้เลยครับ จะเห็นว่ามี 2 ชั้นครับแยกกัน ถ้าคุณมีคำอะไรที่เรียกแล้วดีกว่า และเข้าใจง่ายกว่านี้ บอกผมหน่อยก็ได้นะครับ ฮ่าๆ
สิ่งที่คุณใส่กลุ่มเป้าหมายไป 2 ชั้นแบบนี้ก็เพราะว่า คุณอยากจะบอก Facebook ว่าคุณอยากจะเจาะจงคนที่มีความชอบทั้ง 2 อย่างนี้ ถ้ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณครับ
อย่างที่ผมให้ดูไปข้างบนครับ ถ้าคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับ hotels.com แต่ไม่ได้สนใจ Jomtien Beach หรือ Pattaya เขาก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของผมครับ
การที่คุณทำ Targeting ให้กับสินค้าความสวยความงามของคุณก็เหมือนกันครับ คุณก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณเขามีความชอบอะไรบ้างครับ
ตัวอย่างเช่น เขาอาจจะชอบลิปสติกของ Nars และเป็นคนที่ชอบการทำศัลยกรรม เป็นต้นครับ ถ้าเขาชอบแค่ลิปสติกของ Nars เขาก็ถือว่าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณครับ
พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับผม?
ตัวนี้คุณต้องลองเอาไปใช้ดูครับ ถ้าคุณยังทำกลุ่มเป้าหมายแบบใส่แค่ 1 ช่องอยู่ อยากจะให้ลองใช้เทคนิคที่ผมบอกดูครับ ผมรับรองว่า 9/10 ต้องดีขึ้นแน่นอนครับ
เทคนิคโฆษณา Facebook #6: ใช้คำอธิบายโฆษณาสั้นไว้ก่อน
หลายๆ คนที่ทำโฆษณาผมเห็นใส่คำอธิบายมาซะเลยครับ จะรวมให้หมดทุกอย่างในคำอธิบายนั้น ทั้งคุณสมบัติของครีม ราคา และอะไรอีกหลายอย่าง
ขนาดผมทำโฆษณาให้ยังรู้สึกดูแล้วมึนๆ ครับ แต่จริงๆแล้ว เราก็รู้ๆกันอยู่ครับว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านอยู่แล้วครับ
คุณลองคิดตามผมนะครับว่าคุณกำลังเลื่อนๆ ดูหน้า feed ของคุณอยู่ดีๆ คุณมาเห็นโฆษณาตัวหนึ่งที่คุณอาจจะสนใจ

คุณเจอข้อความอธิบายสินค้าแบบนี้จะเป็นยังไงครับ? ผมบอกได้เลยครับว่าคนส่วนมากไม่อ่านหรอกครับ ถ้าไม่เชื่อผม มาดูกันครับว่าคนที่เห็นโฆษณาเขาว่ากันยังไง

เห็นไหมครับ คนหลายๆคนที่ผมลองเลื่อนดู เขายังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร และมีอีกหลายคนที่มาขอข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียด
เอาตรงๆนะครับ ถ้าแค่นี้เขาไม่อ่าน ให้รายละเอียดไปเขาก็ไม่อ่านหรอกครับ เพราะเขาไม่ได้จริงจังอะไร
คนที่เล่นเฟสบุ๊คส่วนใหญ่เขาไม่ได้เล่นเพื่อที่จะมีความต้องการจะซื้อของครับ เขามาเล่นเพื่อชิวๆ แก้เบื่อ คลายเครียด อะไรก็ว่ากันไปครับ ดังนั้นเจออะไรยาวๆแบบนี้ไป เขาไม่อ่านแน่นอนครับ
เห็นแบบที่ยาวๆ กันไปแล้ว เรามาดูกันครับว่าแบบไหนที่ผมคิดว่าดี

ดูของ Microsoft กันครับ เขาใช้คำอธิบายโฆษณาได้สั้นมากครับ อ่านทีเดียวรู้เลยว่ามันคืออะไร ไม่ต้องเข้าไปอ่านอะไรเพิ่มเติมมาก
ถ้าอยากจะซื้อสินค้าตัวนี้ ก็ทักเข้าไปหรือเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เขาให้มาได้เลยครับ นี้แหละครับคือการชักจูงคนจากเฟสบุ๊คครับ

นี้ก็เป็นคอนเทนท์จากอีกเพจที่ผมติดตามเกี่ยวกับภาษีครับ จะเห็นได้ครับว่าเขาไม่ได้เขียนอะไรเยอะมาก แต่เน้นเป็นรูปภาพแทน เพราะว่ารูปภาพมันดูน่าอ่านกว่าแค่ตัวหนังสือธรรมดาครับ
ทั้งๆที่เรื่องภาษีเป็นอะไรที่แค่พูดขึ้นมาก็ปวดหัวกันแล้วครับ เพราะฉะนั้นเขาเลยต้องทำให้น่าสนใจแบบนี้ครับ ทำได้ดีแบบนี้ ผมให้ใจไปเลยครับ ฮ่าๆ
ถ้าคุณทำเขียนคำอธิบายโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าความสวยความงามของคุณ ผมแนะนำให้ใช้รูปภาพเป็นหลักครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่ชอบอ่านตัวหนังสือเยอะๆ กันหรอกครับ
เก่งๆ เลยก็จะมีอ่านแบบคร่าวๆ ครับ จะไม่อ่านทีเดียวไปเลย
เทคนิคโฆษณา Facebook #7: ใช้รูปคนจริงให้เยอะ
คุณต้องเข้าใจนะครับว่าการทำโฆษณาในเฟสบุ๊คโดยทั่วไปแล้ว คุณจะไปโฆษณาแข่งกับคนที่เป็นผู้ค้ารายย่อยที่ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมาก
เขามาแข่งโฆษณากับคุณเยอะๆ มันดันราคาโฆษณาให้แพงขึ้นเฉยๆครับ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะซื้อของเขาหรอกครับ
เพราะตอนแรกๆ ที่เริ่มทำ ZOZAV กันขึ้นมาใหม่ๆ ผมกับทีมงานใจกว้างยอมรับลูกค้าเกือบทุกประเภทครับ ทำให้เจอธุรกิจและเพจทุกรูปแบบครับ (ยกเว้นอะไรที่ผิดกฎหมายนะครับ เฟสบุ๊คไม่ให้โฆษณาอยู่ละ)
ผมจะเห็นได้ว่าเพจไหนที่มีแต่รูปการ์ตูน หรือตัวที่มีแต่รูปสินค้า มันจะขายยากมากครับ อาจจะเป็นเพราะว่าตลาดในเฟสบุ๊คมีพวกนี้เยอะเกิน แล้วมันดูไม่น่าเชื่อถือครับ
คุณลองเปรียบเทียบกันนะครับผม ว่าอันไหนมันดูผ่านๆตาแล้วน่าเชื่อถือกว่ากัน

กับตัวนี้ครับ

ตามประสบการณ์ผมแล้ว ผมเจอมาว่าแบบแรกจะขายได้ดีกว่าครับ มันจะดูน่าเชื่อถือมากกว่าในสายตาของกลุ่มเป้าหมายครับผม
ทำไมเหรอครับ? เพราะว่าอันแรกมันเป็นรูปที่เขาถ่ายเองจากมือถือของเขาครับ แต่เพจที่ 2 มันดูแล้วเหมือนกับเป็นเพจที่ไปเอารูปเขามาอีกทีและมีรูปที่ได้จากเน็ตมาด้วยครับ
ดูๆแล้ว ไม่มีความน่าเชื่อถือครับ
ถ้ามาดูในส่วนของครีมเสริมความงามทั้งหลาย ลองมาดูเพจนี้กันครับว่าเขาทำยังไงและทำไมเขาถึงดูหน้าเชื่อถือ

คนนี้เขาใช้รูปและวิดีโอของตัวเองเลยครับ ทำให้ดูแล้วเรารู้ได้ว่าใครเป็นคนทำเพจนี้ และเพจนี้เรากล้าที่จะซื้อจากเขาหรือเปล่าครับผม
เพราะฉะนั้นตอนที่คุณทำเพจหรือทำโฆษณาขึ้นมา คุณอาจจะต้องใช้รูปคนของตัวเองให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
อย่าใช้รูปที่มันดูเป็นมืออาชีพเกินไปด้วยนะครับ ไม่งั้นมันก็จะดูไม่น่าเชื่อถือไปอีกครับ ใช้รูปที่เหมือนเพจคุณเตี๋ยวที่ผมให้ดูข้างบนครับ ไม่ดีมากเกินไปและไม่ได้แย่ครับ
ขอแค่คนเขารู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเพจนี้เป็นใคร และเขาสามารถเชื่อถือ และจ่ายเงินให้ได้ก็ถือว่าดีพอแล้วครับผม
สรุปแล้วทำยังไงต่อดี…
ผมก็พูดมาได้ 7 ข้อถ้วนแล้วนะครับ ตรงนี้ผมคิดว่าคุณคงจะพอเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าการทำโฆษณาให้กับผลิตภัณฑ์เสริมความงามมันจะเป็นยังไงครับ
อย่างที่ผมบอกไปครับว่า มันมีคู่แข่งเยอะแน่นอนครับแต่คู่แข่งที่เก่งจริงๆ มันก็จะมีน้อยครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ค้ารายย่อยที่อยากจะขายของให้ได้และก็มาทำโฆษณาเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้อะไรในการทำโฆษณาเฟสบุ๊คมากครับ
ถ้าคุณอ่านบล็อกของ ZOZAV ผมมั่นใจครับ ว่าคุณรู้เยอะกว่า 98% ของคู่แข่งของคุณแล้วครับผม
เพราะว่าคู่แข่งของคุณที่เหลืออาจจะแค่ไปเข้าคอร์สที่คนสอนก็ใช่ว่าจะมีประสบการณ์จริงๆ ครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ
ลองยิงโฆษณาไปเพื่อเก็บ Data ไปก่อนนะครับ แล้วนำเอาเทคนิคที่ผมให้ไปในบทความนี้เอาไปใช้ครับ
สำหรับวันนี้ขอให้โชคดีและรวยๆ ครับ! สาธุ!
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment