87 สถิติที่คุณต้องรู้ (ถ้าทำโฆษณาใน Facebook)

การทำการตลาดผมก็ชอบพูดซ้ำๆครับว่าเราไม่สามารถมโนได้ว่าคนจะชอบแบบไหน ลูกค้าจะชอบแบบไหน
สิ่งที่เราทำได้และได้ผลที่สุดคือการวิเคราะห์จากตัวเลขครับ เหมือนประโยชน์หนึ่งที่ผมชอบมากนั้นก็คือ “Numbers don’t lie” หรือแปลเป็นภาษาไทยตรงๆตัวเลยก็แค่ “ตัวเลขหลอกเราไม่ได้ (เหมือนคน)” นั่นเองครับ
วันนี้ผมเลยรู้สึกอยากจะเขียนบทความที่รวบรวมสถิติที่ผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ทำโฆษณาเฟสบุ๊คอยู่ตอนนี้ครับ เพราะว่าคุณจะสามารถเอาความรู้ที่ได้จากตรงนี้ไปปรับเปลี่ยนแล้วใช้กับโฆษณาของคุณให้ได้ผลดีกว่าเดิมได้ครับ
ก่อนอื่นเลยที่เราจะเข้าเนื้อหาตรงนี้ผมอาจจะให้เข้าใจก่อนครับว่าคุณจะได้อะไรบ้างจากการอ่านบทความนี้
- ได้ความรู้เรื่องคนใช้เฟสบุ๊คเยอะขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้กับโฆษณาของคุณเองได้
- ได้รู้ว่าตัวเลขและสถิติมีความหมายยังไงบ้างในเชิงการตลาดและโฆษณาโดยใช้คำที่เข้าใจง่ายและไม่ต้องแปลให้ปวดหัว
- ความรู้อะไรอื่นๆเกี่ยวกับเฟสบุ๊คที่สามารถไปพูดกับลูกค้าหรือ “บอส” ได้
ผมหวังว่าคุณอ่านบทความนี้แล้วคุณจะได้ความรู้ที่สามารถนำเอาไปใช้ได้จริงครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ภาพรวมโฆษณาเฟสบุ๊ค
ใครๆก็รู้ใช่ไหมครับว่าในประเทศไทยเรา เฟสบุ๊คยังไงก็ที่ 1 อยู่แล้วไม่มีแอพอื่นสู้ได้จริงๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ถึงแม้มันจะใหญ่จริงๆ ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะใช้แล้วได้ผลครับ
มันจะคุ้มค่ากับการลงทุนทั้งเงิน และเวลาของคุณหรือของบริษัทคุณหรือเปล่า? ลงไปแล้วจะได้ผลตอบรับกลับมาดีหรือเปล่า? คุณจะสามารถทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า?
คำถามพวกนี้คุณจะสามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ
สถิติ #1: ประเทศไทยมีคนใช้เฟสบุ๊คอยู่ 20.6 ล้านคนในปี 2017
จากที่ผมไปดูหลายๆที่มาอย่าง บริษัทเฟสบุ๊คเองก็ได้ออกตัวเลขมาว่าในปี 2017 เขามีคนไทยเล่นเฟสบุ๊คถึง 20.6 ล้านคนและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆในปีถัดไป
คนส่วนใหญ่ที่เล่นเฟสบุ๊คจะอยู่ที่อายุ 18–35 ปี ถ้าเทียบกับ Twitter, Linkedin และ Instagram เรายังถือว่า Facebook ชนะขาดลอยอยู่ในตอนนี้
แต่คุณต้องเข้าใจนะครับว่าตัวเลขนี้เป็น “ตัวเลขดิบ” ซึ่งยังไม่ได้นับว่ามีบัญชีปลอม และสแปมกี่บัญชี สำหรับผมคิดมั่วๆเลยตัวเลขจริงก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15–16 ล้านคนครับที่เล่นเฟสบุ๊คตลอด
สถิติ #2: คนที่เล่นเฟสบุ๊คกว่า 70% เข้ามาเล่นทุกๆวัน
จากผลสำรวจของ Pew Research Centre เขาได้บอกผลวิจัยว่าคนที่เล่นเฟสบุ๊คกว่า 70% เข้ามาเล่นเฟสบุ๊คทุกวัน, และกว่า 55% เข้ามาเกินวันละ 1 ครั้ง และประมาณ 22% เข้ามาแค่วันละครั้งเดียว
ถ้าเรามาแทบๆกับเว็บโซเชียลแบบเดียวกันแล้ว จะเห็นว่าเฟสบุ๊คก็ยังชนะขาดตรงจุดนี้อยู่ดีครับ: Instagram (51%), Twitter (47%), และ Linkedin (18%)
สถิติ #3: เฟสบุ๊คเป็นโซเชียลมีเดียที่มีคนใช้เยอะที่สุดในโลก
ผมไปอ่านวิจัยของ Edison Research เขาได้บอกว่าโดยทั่วๆไปแล้ว เฟสบุ๊คก็ยังเป็นที่หนึ่งที่มีคนใช้เยอะที่สุดอยู่ดีถ้ารวมจากคนทุกๆกลุ่มในโลกอินเตอร์เน็ต
แต่ถ้าไปเทียบกับคนที่อายุตั้งแต่ 12–24 เฟสบุ๊คจะแพ้ให้กับ Snapchat และตามมาติดๆกันเลยก็คือ Instagram
ถ้าคุณอยากจะให้โฆษณาของคุณที่เจาะจงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มของคนอายุ 12–24 ปี คุณควรที่จะเจาะจงทั้ง Facebook และ Instagram ครับ
สถิติ #4: คนกว่า 22.9% ที่มีอยู่ในโลกใช้เฟสบุ๊ค
จากสถิติของเว็บ Statistia ได้บอกว่าในโลกนี้มีคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ 38.6% และคนที่ใช้เฟสบุ๊คมีอยู่ 22.9%
สถิติ #5: App เฟสบุ๊คเป็น App ที่มีคนดาวน์โหลดเยอะที่สุดใน Play Store
ผมไปดูสถิติที่ Play Store เขาได้โพสเอาไว้ในวันครบรอบ 5 ปีของแผนกเขาในบริษัท Google ว่ามี App อะไรบ้างที่มีคนโหลดเยอะที่สุด เฟสบุ๊คได้อันดับ 1 ครับ
อันนี้คือ 5 อันดับที่มีคนดาวน์โหลดเยอะที่สุดครับ
สถิติ #6: เฟสบุ๊คเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเยอะเป็นอันดับ 6 ของโลก
ข้อมูลจากเว็บ Forbes ได้ให้ข้อมูลมาว่าตอนนี้บริษัทเฟสบุ๊คเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยมีมูลค่าสูงถึง 407 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สถิติ #7: คนใช้เวลาประมาณ 50 นาทีต่อวัน/คน โดยเฉลี่ยบนเฟสบุ๊ค
เฟสบุ๊คได้ปรับเปลี่ยน Platform ของเว็บจนทำให้คนติดกันงอมแงม Mark Zuckerberg บอกเองเลยว่าคนเราติดเฟสบุ๊คมากขึ้นและตัวเลขบอกให้เราเห็นว่าตอนนี้คนใช้เวลาโดยเฉลี่ยนแล้ว 50 นาทีต่อวัน ต่อคน
ซึ่งจากข้อมูลของ Techcrunch บอกว่าถ้าเทียบกับปี 2014 แล้วยังเฉลี่ยนได้แค่คนละ 40 นาทีต่อวัน
สถิติ #8: คน 56% ที่ใช้โซเชี่ยวมีเดียมีบัญชีกับเว็บอื่นด้วย
จากข้อมูลของ Pew Research Center ได้แสดงให้เห็นว่าคนที่ใช้ Instagram Pinterest Twitter และ Linkedin กว่า 90% มีบัญชีของเฟสบุ๊คด้วย
คนทั่วไปที่ใช้แค่เว็บโซเชี่ยวมีเดียเดียว กว่า 88% ใช้แค่เฟสบุ๊คเท่านั้น
มันเป็นสิ่งที่บอกว่าคนที่คุณอยากจะเจาะจงในเว็บอื่น จริงๆแล้วเขาก็อาจจะอยู่ในเว็บเฟสบุ๊คหมดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปหาที่อื่น
สถิติ #9: 62% ชอบใช้บัญชีที่มีแล้วกับโซเชี่ยวมีเดียมากกว่า
จากข้อมูลของ Adage ที่ไปสำเร็จและติดตามข้อมูลที่ได้มาจากเว็บ Gigya เป็นเว็บที่สร้างเครื่องมือช่วยเว็บไซต์ได้ให้คนใช้เว็บล็อกอินโดยการใช้บัญชีโซเชียลมีเดีย ได้พบว่าคนกว่า 62% ไม่ชอบสร้างบัญชีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาอยากจะเข้าระบบด้วยการใช้บัญชีของเว็บโซเชียลมีเดียไปเลย
สถิติ #10: คนที่เล่นมือถือ 80% ล็อกอินด้วยการใช้บัญชีของ Facebook
จากผลทดลองเดียวกันของ Adage เราได้เห็นว่า 80% ของคนที่เล่นมือถือชอบลงชื่อสมัคร หรือล็อกอินเว็บอื่นๆ ชอบใช้บัญชีที่เขามีอยู่ในแล้ว Facebook มากกว่า
ข้อมูลนี้เราได้มาจาก Gigya ที่ได้ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลนี้จากการล็อกอินของคนที่ใช้มือถือกว่า 58 ล้านครั้งในกว่า 700 เว็บ ในปี 2015
สถิติ #11: คนกว่า 74% ที่ใช้เฟสบุ๊คใช้ติดต่องานด้วย
จากตอนแรกๆที่เฟสบุ๊คเป็นเว็บที่ใครๆเขามาแค่มาส่องดูรูป จีบหญิง และคุยกับเพื่อนเหมือน Hi5 แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ เพราะผลสำรวจออกมาบอกว่ากว่า 74% ของคนที่ใช้เฟสบุ๊ค ใช้เพื่อติดต่องานด้วย (ข้อมูลได้จาก State of inbound)
ทั้งๆที่เว็บ Linkedin เป็นเว็บใช้เพื่อทำงานโดยเฉพาะก็ยังชนะเฟสบุ๊คแค่นิดเดียวนั้นก็คือ 78% ครับ
นั่นก็แปลว่าถ้าคุณทำโฆษณา B2B ก็อาจจะได้ผลดีเหมือนกัน แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ครับ แต่โฆษณา Linkedin แพงมากๆๆๆ
สถิติ #12: เฟสบุ๊คมีโพสถึง 2.5 แสนล้านโพส (2017)
จากผลสำรวจของ Techcrunch เราได้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2004 ที่เฟสบุ๊คเริ่มเปิดใหม่ๆจนถึงตอนนี้ มีโพสมากกว่า 2.5 แสนล้านโพส
มันเป็นทั้งเรื่องดีและเสียครับ
เรื่องดี — เราเห็นว่าเฟสบุ๊คมีคนเล่นเยอะจริงๆและเราสามารถโฆษณาได้แบบสบายๆ
เรื่องไม่ดี — มีคู่แข่งเยอะทำให้ค่าโฆษณาแพงขึ้น
แต่สมัยนี้ถ้าคุณมีเงินก็สามารถทำอะไรก็ได้ในเฟสบุ๊คครับ ฮ่าๆ
สถิติ #13: คนเล่นเฟสบุ๊คค้นหาอะไรในเว็บถึง 2 พันล้านครั้งต่อเดือน
ใครบอกว่าคนค้นหาอะไรใน Google เยอะคงยังไม่รู้ครับว่าในเฟสบุ๊คมีคนค้นหาอะไรเยอะไม่แพ้กันเลยทีเดียว
จากรายงานของ Techcrunch บอกว่าในปี 2016 เราได้เห็นว่าคนใช้เฟสบุ๊คเพื่อค้นหาถึง 2 พันล้านครั้งต่อเดือน พยายามที่จะไล่หลังคู่แข่งอย่าง YouTube และ Google ที่ยังเป็นที่ 1 และ ที่ 2 อยู่ในตอนนี้
สถิติ #14: คนเล่นเฟสบุ๊คกดไลค์อยู่ 4 ล้านครั้งต่อนาที
สถิตินี้บอกเลยว่าไม่น่าแปลกใจครับ เพราะแค่เพื่อนผมแต่ละคนก็ปากันไปคนละประมาณ 2 แสนครั้งต่อนาทีละ ฮ่าๆ
จากรายงานของเว็บ Dealhack ได้บอกว่าคนในเฟสบุ๊คได้กดไลค์รูป โพส หรืออะไรต่างๆกว่า 4 ล้านครั้งต่อนาที
ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม ทุกๆ 60 วินาทีจะมี;
- คนสมัครบัญชีใหม่กับเฟสบุ๊ค 500 คน
- มีคนส่งขอเป็นเพื่อน 100,000 ครั้ง
- รูปกว่า 230,000 โหลดขึ้นเฟสบุ๊ค
- ลิงค์กว่า 50,000 ลิ้งถูกแชร์
สถิติ #15: 42% ของ Millennial (คนที่เกิดในปี 1982–2002) ต้องเช็คเฟสบุ๊คทุกๆ 5 ชั่วโมง
ในผลสำรวจของบริษัท eMarketer ได้ลองไปสำรวจคนที่เกิดในปี 1982–2002 ว่าเขารู้สึกยังไงกับการใช้เว็บเฟสบุ๊ค
42% บอกว่าเขาต้องใช้เฟสบุ๊คตลอด อย่างมากเลยอยู่ห่างเฟสบุ๊คได้ไม่เกิน 5 ชั่วโมง ไม่งั้นมีอันเป็นไป (มั่วละ โจ้ 555+)
สถิติ #16: มีคนคอมเม้นถึง 2.5 พันล้านครั้งใน Facebook page ทุกเดือน
เฟสบุ๊คได้ออกมาบอกว่าในปี 2015 มีคนคอมเมนต์ใน Facebook page ถึงเดือนละ 2.5 พันล้านคอมเมนต์ต่อเดือน
สถิติ #17: Facebook Reactions มีคนใช้แล้วถึง 300 พันล้านครั้ง
ตามข้อมูลของ Adweek ในเวลา 1 ปีครึ่งที่ Facebook Reactions จะเปิดตัวมา มีคนใช้แล้วถึง 300 พันล้านครั้ง และเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สถิติ #18: นักการตลาด 62% ชอบเฟสบุ๊คมากกว่าโซเชี่ยวมีเดียเว็บอื่น
Social Media Marketing ได้ทำรายงานประจำปี 2017 เพื่อถามนักการตลาดว่าเว็บโซเชี่ยวไหนที่เขาชื่นชอบและใช้ได้ผลมากที่สุด คนถึง 62% ตอบเป็นเสียงเดียวกับว่าคือ “เฟสบุ๊ค” ต่อมาก็คือ Linkedin แค่ 16%
ถ้าไปเทียบกับสถิติของปี 2016 ที่ผ่านมาแล้วจะเห็นว่า Facebook เป็นที่นิยมในหมู่นักการตลาดมากขึ้นจาก 55% เป็น 62% ในปี 2017
สถิติ #19: เฟสบุ๊คคือตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับการโฆษณาทั้ง B2C และ B2B
ในรายงานเดียวกับที่เราเห็นกันไปข้างบนบริษัท Social Media Marketing รายงานว่าเฟสบุ๊คเป็นที่หนึ่งในใจนักการตลาดในการขายของในเฟสบุ๊ครูปแบบ B2C ถึง 72% และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ เฟสบุ๊คได้แซงนำ Linkedin ในด้านการโฆษณาแบบ B2B ไปแล้ว
สถิติ #20: 94% ของนักการตลาดบนเว็บโซเชี่ยวใช้เฟสบุ๊ค
Facebook, Instagram, Twitter และ Linkedin ก็ยังเป็น 4 อันดับที่คนเลือกใช้เพื่อโฆษณาเยอะที่สุดสำหรับเว็บโซเชี่ยวมีเดีย แต่เฟสบุ๊คก็ยังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ดีที่ 94%
สถิติ #21: ธุรกิจกว่า 56 ล้านทั่วโลกมีเพจในเฟสบุ๊ค
จากข้อมูลเว็บ Forbes ภายในปี 2015 เฟสบุ๊คออกมาบอกว่ามีธุรกิจมากกว่า 50+ ล้านแห่งที่มีเฟสบุ๊คเพจและภายในปี 2017 ตัวเลขพุ่งขึ้นไปถึง 65+ ล้านแห่งแล้ว
สถิติ #22: เพจที่มีไลค์เยอะที่สุดมีไลค์อยู่ 497,066,390 ไลค์
ตามสถิติที่เว็บ Socialbakers ได้รายงานมาได้เห็นว่าเพจที่มีคนกดไลค์เยอะที่สุดคือเพจที่ชื่อว่า “Facebook for every phone” ซึ่งมีคนไลค์ถึง 497,066,390 คน
อันดับสองและสามคือเพจของ Facebook เองกับเพจของ Christiano Ronaldo
สถิติ #23: คนถึง 49% จะกดไลค์เพจธุรกิจที่ตัวเองชอบจริงๆ
ตามสถิติของวิจัยนี้ ทำได้มาเราจะได้ข้อมูลว่าคนส่วนใหญ่จะกดไลค์เพจเพราะอยากจะได้ของฟรี เช่น เพจอาจจะบอกว่ากดไลค์แล้วจะได้คูปองฟรี เป็นต้น แต่มีคนแค่ 49% ที่จะกดไลค์เพจเพราะว่าชอบ และอยากจะสนับสนุนจริงๆ
สถิติ #24: คน 40% ไม่กดไลค์เพจธุรกิจเลย
ผลวิจัยของบริษัท Kentico Software ได้ออกมาว่า ถึงแม้ธุรกิจต่างๆจะทำเพจขึ้นมาในเฟสบุ๊คเยอะก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าผู้บริโภคจะเข้าไปกดไลค์ เพราะว่าผลวิจัยออกมาบอกว่าคนถึง 40% ที่เล่นเฟสบุ๊คจะไม่มีทางกดไลค์เพจของธุรกิจ
สถิติ #25: นักการตลาดโซเชี่ยวโพส Content ของแบรนด์ 8 ครั้งต่อวัน
Social Media Examiner ได้ทำรายงานผลของผลสำรวจที่เขาไปทำมาเกี่ยวกับนักการตลาดบน Social Media ว่าเป็นยังไง
ผลปรากฎว่านักการตลาดในโซเชียลมีเดียโพส Content ของแบรนด์ตัวเองถึง 8 ครั้งต่อวันโดยเฉลี่ย
สถิติ #26: โพสของคุณจะเข้าถึงแฟนๆเฉลี่ยแล้วแค่ 2%
จากรายงานของ Adweek เราจะเห็นว่าเฟสบุ๊คได้ลดการเข้าถึงแฟนๆของเพจเยอะมาก และล่าสุดเหลือแค่ 2.6% โดยเฉลี่ย นั่นแปลว่ากว่า 97% ของแฟนเพจคุณจะไม่มีทางเห็นโพสของคุณเลย
แต่ดีหน่อยก็คือว่าสำหรับ SME คุณจะเข้าถึงแฟนเพจของคุณได้ประมาณ 14%–26% ดีกว่าเพจใหญ่ๆ
สถิติ #27: ในปี 2016 เพจธุรกิจรายงานว่า “การเข้าถึง” แฟนเพจลดลงถึง 52%
จากผลสำรวจของ Marketing Land ในปี 2016 คนที่ทำเพจในเฟสบุ๊คได้รายงานเป็นเสียงเดียวกันว่าการเข้าถึงเพจได้ลดลงถึง 52% และในปี 2017 ดูเหมือนจะแย่กว่าเดิมอีก
สถิติ #28: ธุรกิจเริ่มใช้การบูทโพสเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2015 บริษัท Socialbreaker ได้เห็นว่าธุรกิจหลายๆธุรกิจเริ่มที่จะใช้การ “บูทโพส” แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ และก็มีแนวโน้มว่าจะเยอะขึ้นแบบก้าวกระโดดในแต่ละปี
สถิติ #29: ธุรกิจกว่า 5 ล้านแห่งใช้โฆษณาเฟสบุ๊ค
ภายในปี 2016 เฟสบุ๊คได้เห็นว่ามีธุรกิจกว่า 5 ล้านแห่งใช้โฆษณาเฟสบุ๊คเพื่อโฆษณาธุรกิจของตัวเอง มากกว่า 70% เป็นธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในอเมริกา
ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ใช้โฆษณาเฟสบุ๊คคือ SME
สถิติ #30: นักการตลาดกว่า 93% ใช้โฆษณาเฟสบุ๊คเป็นประจำ
จากรายงานของบริษัท Social Examiner ได้บอกว่านักการตลาดกว่า 93% ใช้โฆษณาเฟสบุ๊คเป็นประจำและ 62% อยากจะเพิ่มงบขึ้นอีก
สถิติ #31: คนเล่นเฟสบุ๊คดูวิดีโอ 8 พันล้านครั้งต่อวัน
จากรายงานของบริษัท Techcrunch เราจะเห็นว่าคนที่เล่นเฟสบุ๊คดูวิดีโอถึง 8 พันล้านครั้งต่อวัน เริ่มนับตั้งแต่ 3 วิขึ้นไป ถ้าลองมาคิดคำนวนดูแล้วเราจะรู้ว่าคนในเฟสบุ๊คดูวิดีโอรวมกันเป็นเวลา 760 ปีต่อวัน
สถิติ #32: คนกว่า 500 ล้านคนดูวิดีโอทุกวัน
จากรายงานของ Recode.net ได้บอกว่าคนกว่า 500 คนในเฟสบุ๊คดูวิดีโอทุกวัน และวิดีโอในเฟสบุ๊คได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
สถิติ #33: คนมีผลตอบรับกับวิดีโอโดยเฉลี่ยน 6.3%
มีคนที่กดไลค์ คอมเมนต์ แชร์ วิดีโอในเฟสบุ๊คโดยเฉลี่ยแล้วคือ 6.3% โดยเทียบกับ YouTube แล้วได้แค่ 3.2% และ Instagram ได้ที่โหล่คือแค่ 0.2% จากรายงานของ eMarketer
สถิติ #34: โฆษณาวิดีโอในเฟสบุ๊คราคาต่อคลิกน้อยที่สุด
จากรายงานของ Kinetic Social บอกว่าในบรรดาการโฆษณาวิดีโอ เฟสบุ๊คคิดราคาน้อยที่สุดต่อคลิก ราคาอยู่ที่ประมาณ 4.2 บาทต่อคลิก
สถิติ #35: คนดูวิดีโอเฟสบุ๊คกว่า 85% ดูโดยไม่มีเสียง
จากการสำรวจที่บริษัท Digital’s survey ได้ทำขึ้นมาได้ข้อมูลมาว่าคนที่ดูวิดีโอในเฟสบุ๊คกว่า 85% ดูโดยไม่มีเสียง
สถิติ #36: คน 47% ดูวิดีโอไม่เกิน 3 วินาที
บริษัท Nelsien ได้ร่วมกับเฟสบุ๊คเพื่อจะหาว่าพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่ดูวิดีโอส่วนใหญ่เป็นยังไง ผลออกมาก็คือว่าคนกว่า 47% ที่ดูวิดีโอในเฟสบุ๊คใช้เวลาดูน้อยกว่า 3 วินาที
สถิติ #37: วิดีโอส่วนใหญ่ที่อยู่ในเฟสบุ๊คถูกอัพโหลดขึ้นบนเว็บ
บริษัท eMarketer ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับวิดีโอในเฟสบุ๊คว่ามีการแชร์ลิงค์ หรืออัพโหลดขึ้นเท่าไหร่ ผลปรากฎว่ากว่า 65% ของวิดีโอทั้งหมดถูกอัพโหลดขึ้นและอีก 24% ถูกแชร์จากเว็บอื่น เช่น ยูทูป เป็นต้น
สถิติ #38: ใส่ caption (แคบชั่น) ให้กับวิดีโอเพิ่มเวลาดู 12%
เฟสบุ๊คได้ทำรายงานที่วิเคราะห์พฤติกรรมการดูวิดีโอของคนที่เฟสบุ๊คแล้วได้พบว่าวิดีโอที่มี caption อยู่ด้วยจะมีคนดูยาวขึ้นกว่า 12%
สถิติ #39: คน 80% ที่เล่นเฟสบุ๊คในโทรศัพท์ไม่ชอบวิดีโอที่เล่นเสียงเอง
คนที่เล่นเฟสบุ๊คโดยเฉพาะคนที่เล่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือจะไม่ชอบวิดีโอที่ Autoplay เสียงโดยที่เขาไม่ได้กดวิดีโอเข้าไป (ข้อมูลของทางวิจัยเฟสบุ๊ค)
สถิติ #40: กระแสของการใช้วิดีโอในเฟสบุ๊คลดลง
ถึงแม้ว่าบริษัทหลายๆบริษัทจะอยากใช้วิดีโอมากขึ้น และยอมที่จะเสียเงินเพื่อโฆษณาวิดีโอแต่ในวิจัยของ eMarketer บอกว่าแนวโน้มการเติบโตน้อยลงไปเรื่อยๆ
สถิติ #41: วิดีโอ Facebook live มีคนดูนานกว่า 3 เท่าตอน Live
ในปี 2016 เฟสบุ๊คได้ออกมาบอกว่าการใช้ Facebook live ที่ดีที่สุดคือการที่ใช้ตอนที่มีคน Active ที่สุดเพราะว่าจะมีคนดูนานมากกว่าถึง 3 เท่าตอนที่กำลัง live ถ้าเทียบกับตอนที่เป็นวิดีโอหลังจาก live แล้ว
สถิติ #42: เฟสบุ๊คทุ่มเงินกว่า 1.7 พันล้านบาทเพื่อโปรโมท Facebook live
จากรายงานของ Wall Street Journal บอกว่าเฟสบุ๊คจ้าง ดารา ศิลปิน และ net idols ทั้งหลายเพื่อโปรโมต Facebook live มากกว่า 1.7 พันล้านบาท (50 ล้านเหรียญ)
สถิติ #43: Instagram ทำเงิน 20% ให้กับรายได้ของ Facebook ทั้งหมด
จากรายงานของเว็บ eMarketer ได้บอกว่า Instagram ทำเงินกว่า 20% ของรายได้ที่เฟสบุ๊คได้ทั้งหมด
สถิติ #44: นักการตลาดกว่า 42% รู้สึกว่าโฆษณา Facebook ได้ผล
จากรายงานของ Social Media Examiner ได้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้การเติบโตของกลุ่มนักการตลาดที่โฆษณาในเฟสบุ๊ค เราได้เห็นว่าเพียงแค่ 42% เท่านั้นที่รู้สึกว่าโฆษณาเฟสบุ๊คได้ผลสำหรับเขา
สถิติ #45: รายได้จากการโฆษณาของเฟสบุ๊คจะโตปีละ 35%
รายได้จากการโฆษณาของเฟสบุ๊คได้เพิ่มขึ้นทุกๆปีและในปี 2017 ที่ผ่านมามีการคาดเดาว่าเฟสบุ๊คจะสามารถเพิ่มรายได้โฆษณาถึง 36.2 พันล้านเหรียญจากโฆษณาที่ได้จากธุรกิจทั่วโลก (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #46: รายได้จากการโฆษณาของเฟสบุ๊คเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากรายงานของ CNBC ได้เห็นว่ารายได้ที่เฟสบุ๊คได้จากการโฆษณาได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ในไตรมาตรแรกของปี 2017 เฟสบุ๊คทำเงินได้ถึง 7.1 ล้านเหรียญเพิ่มขึ้นกว่า 51% จากปีก่อนหน้านี้
เหตุผลที่รายได้เฟสบุ๊คเยอะขึ้น
- จำนวนโฆษณาเยอะขึ้น
- คนสมัครบัญชีเฟสบุ๊คเพิ่มขึ้น
- คนใช้เฟสบุ๊คนานขึ้นกว่าเดิม
สถิติ #47: การเติบโตของ Facebook ยังคงตัว แต่เหมือนกำลังอยู่ในช่วงขาลง
ในการวิเคราะห์ที่บริษัท eMarketers ได้ทำขึ้นมาได้บอกว่าภายในปี 2018 รายได้ที่เฟสบุ๊คได้จากการโฆษณาจะต่ำกว่ารายได้ที่ได้จากปี 2016 และอัตราการเติบโตของเว็บก็น้อยลงไปด้วย
สถิติ #48: รายได้ 84% จากการโฆษณามาจากมือถือ
จากรายงานรายได้ของเฟสบุ๊คในไตรมาสที่ 4 ได้เห็นว่าเงินรายได้โฆษณาของเฟสบุ๊คกว่า 84% มาจากมือถือ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #49: ในปี 2017 ขึ้นไป โฆษณามือถือจะมีแชร์ทางการตลาดออนไลน์ถึง 70%
จากการวิเคราะห์และสำรวจจากเว็บ eMarketer เราได้เห็นว่าภายในปี 2017 ขึ้นไป การโฆษณาออนไลน์ส่วนใหญ่จะต้องขึ้นอยู่กับมือถือ เพราะว่า 70% ของคนที่เห็นโฆษณาจะเป็นจากมือถือ
สถิติ #50: รายได้ที่เฟสบุ๊คได้ต่อ user โดยเฉลี่ยคือ $4.71 เหรียญ
จากรายงานผลรายได้ของเฟสบุ๊คในไตรมาสที่ 4 ของปี 2016 ได้เห็นว่ารายได้เฉลี่ยที่เฟสบุ๊คได้ต่อหัวจาก user คือ $4.71 เหรียญ แต่ในอเมริการายได้นั้นเยอะกว่าที่อื่นในโลกก็คือ $19.81 ต่อหัว และ $5.86 ต่อหัวในยุโรป
สถิติ #51: อัตราคลิกโฆษณาโดยเฉลี่ยนในเฟสบุ๊คคือ 0.90%
โฆษณาที่อยู่ในเฟสบุ๊คแล้วโดยทั่วไปมีอัตราที่ได้คลิก (CTR) อยู่ที่ 0.90% และส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้
เสื้อผ้า — 1.24%
ร้านขายปลีก(ทั่วไป) — 1.59%
B2B — 0.78%
เทคโนโลยี — 1.04%
การเงินและประกัน — 0.56%
(ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บ Wordstream)
สถิติ #52: ค่า conversion rate โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.21%
เว็บ Wordstream ได้ทำรายงานขึ้นมาเพื่อให้ตัวเลขว่าค่าเฉลี่ยน Conversion rate ที่ได้จากการโฆษณาเฟสบุ๊คอยู่ที่เท่าไหร่ ตัวเลขก็คือ 9.21% และอุตสาหกรรมที่ได้เยอะที่สุดคือการออกกำลังกาย (14.29%), การศึกษา (13.58%) และตัวที่ได้น้อยที่สุดคืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี (2.31%)
สถิติ #53: ค่าเฉลี่ยโฆษณาต่อคลิกจากผู้หญิงแพงกว่าผู้ชาย
จากการวัดผลว่าค่าคลิกโฆษณา (CPC) จากผู้หญิงหรือผู้ชายอันไหนจะมีราคาถูกหรือแพงกว่ากัน ทาง AdEspresso ได้ผลออกมาว่าค่าคลิกโดยเฉลี่ยของผู้หญิงแล้วแพงกว่าผู้ชาย โดยราคาเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ ฿9.78 บาทต่อคลิก (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #54: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุเยอะแพงกว่า
จากผลสำรวจที่ AdEspresso ไปทำมาบอกว่าการโฆษณาให้กับกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 45–65+ ปีจะมีราคาสูงกว่าคนที่มีอายุ 18–44 ปี
สถิติ #55: ค่าโฆษณาต่อคลิกโดยเฉลี่ยจะราคาถูกกว่าในฤดูร้อน
จากผลสำรวจของ AdEspresso ได้บอกว่าราคาของโฆษณาในเฟสบุ๊คจะเยอะที่สุดในช่วงเดือน ตุลาคม และพฤศจิกายน และช่วงที่ถูกที่สุดอยู่ที่ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง กรกฎาคม (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #56: โฆษณา Placement ตรงข้างขวากับคอมจะแพงที่สุด
ในปี 2016, AdEspresso ได้ทำรายงานว่าการวางโฆษณาที่ไหน (Placement) จะได้ผลและราคาที่ดีที่สุด ผลปรากฎว่าค่าโฆษณา Placement ที่อยู่ข้างขวาของเพจ (Right hand column) และคลิกที่มาจากคอม (Desktop) — (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #57: วันที่โฆษณาในเฟสบุ๊คแพงที่สุดของอาทิตย์คือ “วันศุกร์”
จากผลสำรวจของ AdEspresso ได้ออกมาให้เห็นว่าการโฆษณาในเฟสบุ๊คที่แพงที่สุดจะเป็นวันศุกร์ รองลงมาคือวันพฤหัสบดี
แต่ยังไงแล้วก็ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมของคุณด้วย เพราะว่าราคามันไม่เท่ากันเสมอไป (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #58: ช่วงเวลาที่โฆษณาเฟสบุ๊คถูกที่สุดคือ “ช่วงเย็น”
จากผลสำรวจของ AdEspresso แล้วจะเห็นว่าช่วงเวลาตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มจะเป็นช่วงเวลาที่โฆษณาถูกที่สุด ราคาจะตกอยู่ประมาณ 20 บาทต่อคลิก (ถ้าเป็นประเทศไทยก็น่าจะอยู่ที่ 5-8 บาท)
สถิติ #59: traffic จากมือถือได้ผลดีกว่าคอมถึง 34%
ในการทดลองที่บริษัท AdEspresso ได้ทำขึ้นมาเพื่อทดสอบว่าคนที่ใช่มือถือ หรือคอมพิวเตอร์อันไหนได้ผลดีกว่ากัน ผลปรากฎว่าคนที่ใช้มือถือได้ผลดีกว่าถึง 34%
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าของคุณด้วย เพราะการทดลองนี้เป็นการทดลองแค่อันเดียวไม่สามารถจะบอกตัวเลขที่แท้จริงได้
สถิติ #60: ค่าราคาเฉลี่ยของ Post Engagement อยู่ที่ $0.12
ราคาโดยเฉลี่ยของ Post Engagement (ไลค์ คอมเม้น แชร์ หรือคลิกโฆษณาทั้งหลาย) อยู่ที่ $0.12 หรือถ้าเป็นประเทศไทยก็น่าจะอยู่ที่ $0.04
สถิติ #61: ราคาเฉลี่ย CPA (Cost-Per-Action) อยู่ที่ ฿597.68
รายงานของ Wordstream ได้บอกว่าราคาเฉลี่ยนของ CPA (Cost Per Action) จากโฆษณาในเฟสบุ๊คอยู่ที่ 597.68 บาท (ทั่วโลก) แต่ Wordstream ไม่ได้บอกชัดเจนว่า CPA ตรงนี้เขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่ เพราะแต่ละ Action มันมีความหมายไม่เหมือนกัน อาจจะเป็นการซื้อของจากเว็บ แอดไลน์ หรืออย่างอื่น
สถิติ #62: ราคาค่าอิมเพรสชั่น (Impression) เฉลี่ยอยู่ที่ 230.8 บาทต่อ 1,000 อิมเพรสชั่น
บริษัท AdEspresso ได้วิเคราะห์ว่าราคาค่าอิมเพรสชั่น (Impression) ต่อ 1,000 ครั้งอยู่ที่ 230.8 บาท ($7.19) ทั่วโลก (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #63: ราคาค่าไลค์โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 8.32 บาทต่อไลค์
จากผลรายงานของบริษัท AdEspress ได้บอกว่าค่าเฉลี่ยของโฆษณาเพื่อเพิ่มไลค์จะตกอยู่ที่ 8.32 บาท ($0.26) ต่อไลค์ และในไตรมาสที่ 3 ของปี 2016 ราคาต่ำลงมาถึง 3.2 บาทต่อไลค์ สำหรับไลค์ที่มาจากโทรศัพท์ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #64: คนกดไลค์เพจส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์
จากการสำรวจของบริษัท AdEspresso ได้เห็นว่าคนที่กดไลค์ให้กับเพจส่วนใหญ่มาจากคนที่เล่นมือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์
ถ้าอยากจะได้คนกดไลค์เพจเยอะๆ ก็ต้องเจาะจงคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #65: ราคาเฉลี่ยของแต่ละ “app install” อยู่ที่ ฿54.40
จากผลสำรวจของ AdEspresso ได้แสดงให้เห็นว่าค่าโฆษณาต่อการ “ติดตั้ง App” อยู่ที่ 54.40 บาทต่อการติดตั้ง และราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ (฿173.12), เยอรมันนี (฿101.78) และ อเมริกา (฿72.96) และเฉลี่ยทั่วโลกแล้วอยู่ที่ ฿54.40
สถิติ #66: ค่าโฆษณาต่อ “App Install” ต่ำที่สุดใน “Audience Network”
รายงานจากเว็บ AdEspresso ได้แสดงให้เห็นว่าค่าราคาต่อ “ติดตั้ง App” ที่น้อยที่สุดอยู่ใน Audience Network (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #67: ราคาค่าโฆษณาต่อ “App Install” ต่ำสุดมาจากมือถือ “Andriod”
ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าจะเจาะจงกลุ่มคนที่ใช้มือถือแบบไหน ผลวิจัยออกมาแล้วครับว่ามือถือที่ใช้ Andriod จะมีค่าติดตั้งต่ำที่สุดในบรรดามือถือแบบอื่น
สถิติ #68: ค่าโฆษณาต่อคลิก (CPC) เพิ่มขึ้น 49% ถ้า Frequency สูงกว่า 2
ค่า Frequency คือค่าที่บ่งบอกว่าโฆษณาของคุณมีคนเห็นกี่ครั้งและถ้าเกินกว่า 2 ครั้งต่อคน ค่าโฆษณาจะเพิ่มขึ้นถึง 49% ต่อคลิก (CPC)
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือค่าอัตตราการคลิก (CTR) ก็ลดลงไปด้วยถึง 8.91%
สถิติ #69: Lookalike Audience ยิ่งแคบยิ่งราคาต่อคลิก (CPC) ถูก
บริษัท AdEspresso ได้ทดลองทำโฆษณาในเฟสบุ๊คและสร้าง Lookalike Audience ขึ้นมาแล้วได้เห็นว่า Lookalike Audience ที่ตั้งแค่ 1% จะมีราคาต่อคลิก (CPC) น้อยกว่า Lookalike Audience ที่ตั้งไว้ 10%
และโดยรวมแล้วมีราคาเยอะกว่าถึง 70%
สถิติ #70: โฆษณาเฟสบุ๊ค $5 ต่อวันจะซื้อเพจไลค์ได้เฉลี่ย 9 ไลค์
บริษัท Buffer ได้ทดลองว่าถ้าเขาทำโฆษณา 5 ดอลลาร์ต่อวันจะได้อะไรบ้าง ผลออกมาก็คือจะได้เพจไลค์อยู่ 9 ไลค์ ที่ $0.57 ต่อไลค์ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #71: ราคาโฆษณาต่อคลิก (CPC) ของบริษัท B2B อยู่ที่ ฿128.32
บริษัท Buffer ได้ทำการทดลองว่าราคาต่อคลิกของลิ้งหรือโฆษณาที่เกี่ยวกับ B2B จะตกอยู่ที่ ฿128.32
แต่ผมคิดว่าตัวเลขนี้เยอะเกินจริง อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนทำโฆษณาไม่เป็นเยอะแล้วทำให้ตัวเลขสูงกว่าเกินควร (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #72: บูทส์โพส $5 จะเข้าถึงคนได้ 787 คน โดยเฉลี่ย
ในรายงานเดียวกันของ Buffer เราได้เห็นว่าบูทส์โพสราคา $5 (160 บาท) จะเข้าถึงคนได้อยู่ 787 คนโดยเฉลี่ย แต่ในการทดลองนี้ Buffer เห็นว่าค่าโฆษณาเขาสูงกว่าปกติ
สถิติ #73: โพส engagement กว่า 75% จะได้ภายใน 5 ชั่วโมงที่โพสไป
จากรายงานของ Post Planer Research ได้เห็นว่าโพสที่คุณโพสไปนั่นจะมีคนเห็นและได้ Engagement (ไลค์ คอมเมนต์ แชร์ คลิก) ภายใน 5 ชั่วโมงที่โพสไป หลังจากนั้นก็จะลดลงแล้วก็ไม่ได้เลย
สถิติ #74: การเข้าถึงแฟนเพจไม่เท่ากันทุกเพจ
จากการสำรวจ และวิเคราะห์ของเว็บ Socialbakers ได้บอกว่า “การเข้าถึงแฟนเพจ” จะได้ไม่เท่ากันทุกๆเพจและขึ้นอยู่กับฐานของแฟนเพจด้วย เช่น ถ้าเพจของคุณใหญ่ ก็จะมีคนเห็นน้อยลงไปด้วย ถ้าเล็กหน่อยก็จะมีคนเห็นเยอะ
สถิติ #75: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในโพสคือ เที่ยง – บ่าย 3
บริษัท Buffer ได้ไปศึกษาหลายๆเพจในโซเชียลมีเดีย และได้พบว่าเวลาที่โพสแล้วได้ผลเยอะที่สุดคือเวลาตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงบ่าย 3 โมงเย็น
วันเสาร์อาทิตย์จะเป็นเวลา เที่ยงวันจนถึงบ่ายโมง
สถิติ #76: หัวข้อโฆษณาเฟสบุ๊คส่วนใหญ่มีแค่ 5 คำ
จากผลสำรวจของ AdEspresso หัวข้อโฆษณาเฟสบุ๊คที่ได้ผลดีส่วนใหญ่จะมีอยู่แค่ 5–6 คำเท่านั้น
สถิติ #77: คำอธิบายโฆษณาส่วนใหญ่มีอยู่ที่ 14 คำ
หลังจาก AdEspresso ได้วิเคราะห์โฆษณาเฟสบุ๊คถึง 37,259 ตัวได้เห็นว่าส่วนใหญ่คำอธิบายโฆษณาจะอยู่แค่ 14 คำ
สถิติ #78: คำ CTA ที่ใช้เยอะที่สุดคือ “learn more” หรือ “เรียนรู้เพิ่มเติม”
ตามรายงานของ AdEspresso บอกไว้ว่าคำ CTA ที่คนใช้เยอะที่สุดคือคำว่า “Learn more” หรือ “เรียนรู้เพิ่มเติม”
- เรียนรู้เพิ่มเติม (34.2%)
- ซื้อเลย (30.7%)
- สมัครเลย (22.6%)
สถิติ #79: ใช้ตัว CTA ให้ถูกต้องจะช่วยเพิ่ม conversion rate ถึง 2.85 เท่า
บริษัท Adroll ได้จำวิจัยเรื่องการใช้ CTA (Call To Action) ว่าได้ผลดีจริงหรือเปล่าและได้พบว่าถ้าใช้ถูกต้องจะได้ผลดีถึง 2.85 เท่า (อ่านเพิ่มเติม)
สถิติ #80: “Download Now” หรือ “ดาวน์โหลดเลย” เป็น CTA ที่ได้ผลดีที่สุด
บริษัท AdEspresso ได้ทดลองว่าตัว CTA ตัวไหนที่ได้ผลดีที่สุด และผลออกมาก็คือว่าคำว่า “Download Now” หรือ “ดาวน์โหลดเลย” ได้ผลดีที่สุดในบรรดา CTA ทั้งหลาย ถึงแม้ว่า “Learn more” จะมีคนใช้เยอะสุดก็ตาม
สถิติ #81: เฟสบุ๊คมีคนใช้ถึง 1.94 พันล้านคน
ข้อมูลจาก Statistia ได้บอกว่าเว็บเฟสบุ๊คมีคนใช้ถึง 1.94 พันล้านคนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2017
ตัวเลขนี้นับจากคนที่เข้ามาในเว็บในเดือนที่ผ่านมาอย่างน้อย 1 ครั้ง (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #82: คนมากกว่า 820 ล้านคนใช้แต่มือถือเข้าเฟสบุ๊ค
ตามรายงานของ Techcrunch จะเห็นว่าคนที่ใช้เฟสบุ๊คกว่า 820 ล้านคนใช้แต่มือถืออย่างเดียวเท่านั้น
สถิติ #83: คนกว่า 80 ล้านคนใช้ Facebook Lite
Facebook Lite คือเวอร์ชั่นเว็บเฟสบุ๊คที่สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ที่ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ หรือ แรงน้อยกว่าโทรศัพท์ทั่วไปในตลาด
ในรายงานของ Techcrunch ได้บอกเอาไว้ว่ากว่า 80 ล้านคนใช้ Facebook Lite อยู่ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิติ #84: เฟสบุ๊คมีบัญชีปลอมกว่า 83.09 ล้านบัญชี
เว็บ CNET ได้คาดไว้ว่าบัญชีกว่า 8.7% ในเฟสบุ๊คหรือ 83.09 ล้านบัญชีเป็นบัญชีปลอม
สถิติ #85: กว่าครึ่งของคนที่อายุมากกว่า 20+ ปีมีเพื่อนเกิน 200 คน
ตามรายงานของ Pew Research Center ได้บอกเอาไว้ว่าโดยทั่วไปแล้วคนที่มีอายุเยอะกว่า 20+ ปี จะมีเพื่อนในเฟสบุ๊คมากกว่า 200 คน (ข้อมูลเพิ่มเติม)
สถิตินี้ทำให้เราเข้าใจว่าการแชร์สำคัญมากในเฟสบุ๊ค
สถิติ #86: เหตุผลหลักของคนที่สมัครบัญชีกับเฟสบุ๊คคือ “เพื่อน”
ตอนที่บริษัท Pew Research Centre ได้สอบถามคนที่ใช้เฟสบุ๊ค ได้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้เฟสบุ๊คเพราะว่ามีเพื่อนเขาอยู่ในนั้น
- สามารถแชร์ให้กับเพื่อนได้เยอะๆในเวลาเดียวกัน (46%)
- ดูอะไรตลกๆ (39%)
- ดูว่าเพื่อนๆหรือคนที่รู้จักอัพเดทอะไรบ้าง (39%)
สถิติ #87: พ่อแม่กว่า 87% เป็นเพื่อนกับลูกในเฟสบุ๊ค
ผลวิจัยของ Pew Research Center ได้เห็นว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ (87%) เป็นเพื่อนกับลูกของตัวเองในเฟสบุ๊คและเทียบกับ Twitter มีอยู่แค่ 17% (อ่านเพิ่มเติม)
เสร็จแล้วครับ!
ผมหวังว่าคุณจะได้ข้อมูลอะไรดีๆเพื่อนำไปปรับใช้ในธุรกิจหรือองกรค์ของคุณครับ แล้วถ้าไม่มีเวลาอ่านเยอะ ผมจะสรุปสถิติสำคัญๆให้ครับ
- เฟสบุ๊คเป็นเว็บโซเชี่ยวมีเดียที่มีคนใช้อยู่ทุกกลุ่มอายุถึง 62%
- มีคนเล่นเฟสบุ๊คประจำอยู่ 1.94 พันล้านคน
- คนที่เล่นเฟสบุ๊ค 70% เข้ามาเล่นทุกวัน
- คนกว่า 74% ใช้เฟสบุ๊คติดต่องานด้วย
- นักการตลาดกว่า 74% ชอบเฟสบุ๊คที่สุดในหมู่เว็บโซเชียลมีเดีย
- คนที่ทำการตลาดในโซเชี่ยวมีเดียกว่า 94% ใช้โฆษณาเฟสบุ๊ค
- โพสที่มาจากองค์กรจะเข้าถึงแฟนเพจประมาณ 2% เท่านั้น
- มีธุรกิจที่ใช้โฆษณาเฟสบุ๊คกว่า 5 ล้านแห่งทั่วโลก
- อัตตราคลิกโฆษณา (CTA) อยู่ที่ 0.90%
- อัตราราคาคลิกโฆษณาเฉลี่ย (CPC) อยู่ที่ 11.2 บาท ($0.35) ต่อคลิก
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- 87 สถิติที่คุณต้องรู้ (ถ้าทำโฆษณาใน Facebook)
- 43 ตัวอย่างโฆษณา Facebook ที่ (เจ๋งจนต้องร้องขอชีวิต) สำหรับปี 2018
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
ถ้าคุณชอบบทความนี้และคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆหรือองกรค์ของคุณ รบกวนช่วยกันแชร์หน่อยนะครับ!
สำหรับวันนี้ขอให้โชคดีและรวยๆขึ้นครับ!
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment