วิธีทำโฆษณา Facebook วันละ 99 บาท แต่ได้ผลจริง (เหมาะสำหรับคนเริ่มใหม่)

หลายๆคนที่กำลังเริ่มทำโฆษณาใน Facebook หรือไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่มั่นใจว่าโฆษณาตัวนี้จะได้ผล หรือเปล่าก็ไม่อยากจะจ่ายเงินเยอะใช่ไหมล่ะครับ?
โดยเฉพาะตอนนี้โฆษณา Facebook ราคาแพงกว่าแต่ก่อนมากเลยครับ เพราะเมื่อก่อนตอนที่ผมเริ่มทำใหม่ๆตอนที่ Facebook เปิดให้โฆษณาในปี 2013 ราคาถูกกว่านี้อย่างน้อยๆ 2 เท่าน่าจะได้ (จากความรู้สึกล้วนๆครับ ฮ่าๆ)
วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ความรู้สำหรับคนงบน้อยหรือคนที่ไม่อยากจะเสียตังค์ มากแต่อยากจะโฆษณาใน Facebook ให้ได้ผล
จำไว้นะครับว่าการทำโฆษณาไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไปครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความรู้ในสิ่งที่คุณทำหรือเปล่า
บทความนี้มีอะไรบ้าง
สิ่งที่คุณจะเรียนรู้จากบทความนี้
- เริ่มต้นงบเท่าไหร่ถึงจะพอ
- 8 กฎที่ต้องรู้ที่จะทำให้ค่าโฆษณา Facebook ราคาถูก
- วิธีทำเคมเปนโฆษณา Facebook แบบ Step-by-step (ละเอียด)
- วิธีการลง Facebook Pixel ด้วยตัวเอง (ละเอียด)
- วิธีสร้างรูปโฆษณาด้วยตัวเอง (ฟรี! ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการดีไซน์)
- คำถามที่เจอบ่อยเกี่ยวกับโฆษณา Facebook
ผมรู้นะครับว่าคนส่วนใหญ่ที่อ่านบทความนี้ไม่ค่อยมีเวลาครับ ผมเลยจะไม่รีรอแล้วครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
** Update: 25/03/2021: จากที่ผมเขียนบทความตัวนี้ไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ระบบโฆษณาในเฟสบุ๊คก็ได้เปลี่ยนไปพอสมควรครับ แต่มันยังไม่มากพอที่ผมคิดว่าควรจะปรับปรุงเนื้อหาในบทความนี้มากๆ ครับ
เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่อยากจะทำตามบทความนี้อยู่ บอกได้เลยครับว่ามันยังได้ผลเหมือนเดิม หายห่วงได้ครับถ้าหากว่ามีข้อมูลส่วนไหนที่ผมเห็นว่าควรจะแก้ไขหรือปรับปรุง ผมจะจัดการให้ทันทีครับ เพื่อที่ให้เพื่อนๆ ที่ติดตามบทความของผมไม่เข้ามาอ่านความรู้แบบเสียเปล่าครับ
โฆษณา Facebook ราคาเท่าไหร่ ควรมีงบเยอะไหม?
ใครๆก็พูดได้นะครับว่าให้จัดสันงบน้อยๆไว้ก่อน แต่งบเท่าไหร่ล่ะครับที่จะน้อยแต่ได้ผลจริงๆครับ? เพราะว่าถ้าจะแค่ไปกดตั้งงบว่าจะเอาเท่าไหร่ ใครๆก็ทำเป็นครับ
งบขั้นต่ำตอนนี้ที่ Facebook ต้องการก็คือ 300 บาทแต่ผมคิดว่าถ้าอยากจะให้โฆษณาของคุณได้ผล 300 บาทยังน้อยเกินไปครับ
ผมแนะนำให้เตรียมไว้ประมาณ 3,000 บาทครับหรือประมาณ 99–100 บาท ต่อวัน เหตุผลที่ต้องตั้งงบสูงหน่อยก็เพราะว่า Targeting ใน Facebook ส่วนใหญ่มันไม่ค่อยจะตรงเท่าไหร่ครับ ตอนแรกๆไม่ว่าคุณจะใส่ targeting (เจาะจงกลุ่มลูกค้า) ดีแค่ไหน คุณก็ยังจะเจอคนที่ไม่ค่อยสนใจสินค้าของคุณอยู่ดีครับ
วิธีแก้ปัญหาตรงนี้ก็คือต้องเตรียมเงินอย่างน้อยๆ 1,000 บาท เพื่อที่จะทดลองกลุ่มลูกค้าครับว่าผลตอบรับออกมาเป็นยังไง ถ้าดีแล้วค่อยใช้อีก 2,000 เพื่อเจาะจงคนกลุ่มที่เรามั่นใจว่าชอบสินค้าของคุณจริงๆครับ
ผมจะไม่เขียนเกี่ยวกับการทำในโพสนี้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ให้แสดงความคิดเห็นไว้นะครับ ผมจะเขียนให้อ่านครับ
เรามาต่อกันที่ตัวต่อไปกันเลยครับ
ข้อแตกต่างระหว่างบูทโพส (Post Boosting) กับ โฆษณา (Advertising)
หลายๆคนที่ทำโฆษณาใน Facebook อาจจะคิดว่า 2 ตัวนี้เหมือนกันนะครับแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ครับ
Facebook จะยิงโฆษณาบูทโพสกับโฆษณาที่ไม่ใช่บูสโพสให้กับคนที่แตกต่างกันครับ
- โฆษณาแบบ “บูทโพส” หรือ “Post Boosting”
โฆษณาแบบนี้ Facebook จะยิงไปหาคนที่ Facebook รู้ว่าจะชอบกด “ไลค์” ครับผม เพราะฉะนั้นมันจะดีกับโฆษณาที่ต้องการให้คนเห็นเยอะๆ และมีคนไลค์ คอมเมนต์ แชร์เยอะๆครับ ไม่เหมาะกับการขายของ

เหมาะกับการใช้โปรโมตอะไรบ้าง?
สำหรับการใช้บูทโพสนี้จะไม่เหมาะกับการโปรโมทหลายๆอย่างนะครับ จะเหมาะจริงๆก็แค่ที่ผม List ไว้อย่างล่างนี้ครับ
- บทความ
- Infographics
- ข่าวทั้งหลาย
ไม่เหมาะกับการขายของครับ เพราะผมเคยลองทำดู Conversion rate ต่ำสุดๆไปเลยครับ ฮ่าๆ
- โฆษณาแบบไม่ใช่การ boost
คุณสามารถเลือกวัตถุประสงค์ในการโฆษณาได้หลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็น Lead Generation, App Install, Web Traffic, Video Views และอีกหลายๆอย่างครับ
ถ้าใช้ตัวนี้ส่วนใหญ่จะได้ราคาที่ถูกกว่าการบูทโพสครับผม เพราะว่า Facebook จะช่วย Optimize โฆษณาของคุณว่าควรจะให้ใครเห็นดี (ไม่ได้เจาะจงแต่คนที่จะกดไลค์)
สำหรับโฆษณาแบบนี้จะเหมาะกับการขายของครับผม แต่อย่างที่บอกไปว่าโฆษณาแบบนี้ถ้าอยากจะได้ไลค์ คอมเมนต์ แชร์ อันนี้ไม่เหมาะแน่นอนครับ
8 กฎเหล็กที่ต้องจำถ้าอยากให้โฆษณา “ราคาถูก”
จำไว้นะครับ ว่าการทำโฆษณาทุกๆครั้ง คุณต้องรู้ว่าอะไรควรจะทำและอะไรที่ควรจะหลีกเลี่ยงครับ
วันนี้คุณไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้วครับ เพราะผม List มาให้เรียบร้อยแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าครับ
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
— มันอาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูง่ายๆนะครับแต่หลายๆคนพลาดตรงนี้ไปครับ คุณต้องชัดเจนก่อนที่คุณจะทำโฆษณาได้ครับว่าคุณต้องการอะไรจากเคมเปนนี้
ตั้งเป้าหมายให้ถูกต้อง
— หลังจากตั้งชัดเจนแล้วต้องตั้งให้ถูกด้วยครับ เช่น คุณต้องตั้งเป้าหมายให้เป็น Sales หรือ Leads ครับ ไม่ใช่แค่ให้มีคนเห็นหรือไลค์ เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่จำเป็นครับ (Vanity metrics)
อย่าสร้างแค่โฆษณาเดียว
— การทำโฆษณาทุกๆอย่างครับถ้าคุณไม่สร้างโฆษณามาหลายๆแบบเอามา A/B Testing กัน คุณก็จะพลาดโอกาสหลายอย่างครับ เช่น รูปโฆษณาของคุณอาจจะยังไม่ดีพอแต่คุณไม่รู้เพราะว่าไม่ได้ทดลองดู เป็นต้นครับ
อย่า A/B Test ทุกๆอย่าง
— หลายๆคนอ่านเรื่อง A/B Testing มาแล้วอยากจะลองเปลี่ยนแปลงโฆษณาดูว่าอันไหนได้ผลดีหมด ผมบอกเลยนะครับว่าการทำแบบนี้ดีครับ เพราะจะทำให้คุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้น แต่อย่าทำเยอะเกินไปครับ
ตั้ง Daily budget
— ตั้ง Daily budget ให้ไม่เกินวันละ 100 บาทครับ อย่าไปหวังแต่ Facebook จัดการงบให้โดยการใช้ Lifetime budget ครับ
อย่าไปคิดมากกับ Placements
— หลายๆคนที่ทำใหม่อาจจะกังวล และอยากที่จะเข้าใจทุกๆอย่างก็เลยเลือก Ad Placements มั่วๆ และคิดว่าจะได้ผลดีที่สุด มันไม่ใช่นะครับ ในการทำโฆษณา ผมเคยบอกไปแล้วครับว่าต้องทดลองอย่างเดียวถึงจะรู้ อย่าเดาเอาครับ
ต้องใช้ Facebook Pixel
— ตัวนี้ผมพูดย้ำบ่อยมากครับไม่ว่าจะเป็นใน Ebook ของผมหรือบล็อกผม โฆษณา Facebook Pixel จะสำเร็จได้หรือเปล่าขึ้นอยู่กับข้อมูลฐานลูกค้าที่คุณสร้างครับ แล้ว Facebook pixel จะเป็นตัวที่ช่วยจำข้อมูลอะไรพวกนี้ทั้งหมดครับ
ต้องใช้ Facebook Remarketing
— อย่างที่ผมเคยบอกไปครับว่าโฆษณาหลายๆอย่างข้อเสียก็คือไม่ว่าเราจะยิงโฆษณาดียังไง มันก็ไปโดนคนที่ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นตัว Faebook Remarketing ก็จะเป็นตัวเปลี่ยนครับ
ข้อควรจำ: 8 อย่างที่ผมพูดไปข้างบนนี้สำคัญมากๆนะครับ เพราะฉะนั้นอย่างจะให้อ่านและเข้าใจให้ดีเพื่อความสำเร็จของคุณเองครับ
สร้างโฆษณา Facebook ให้ถูกต้อง (Step-by-step)
ก่อนอื่นที่จะเริ่มสร้างโฆษณากันได้ ผมอยากจะบอกก่อนนะครับว่าคุณต้องมี “แฟนเพจ” ก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นต้องรีบไปทำก่อนเลยครับ
หลังจากนั้นเรามาดูกันครับว่าต้องทำยังไงถึงจะสร้างโฆษณา Facebook ได้ดี มาเริ่มกันเลยครับ
Step #1: เข้าไปที่ Ad Manager ครับ แล้วจะเจอเพจหน้าตาแบบนี้ครับ แล้วก็คลิกปุ่มเนี้ยเพื่อสร้างโฆษณาเลยครับ
Step #2: เราจะมาที่หน้านี้ครับ Facebook จะถามว่าวัตถุประสงค์ของโฆษณาของคุณเป็นยังไง หรือ คุณต้องการอะไรจากโฆษณานี้นั้นเองครับ
ตอนแรกๆไม่ต้องไปสนแถว 1 กับ แถวที่ 3 ครับ สนแต่แถวตรงกลางก็พอ
สำหรับในการสาธิตนี้ผมจะเลือก “Traffic” (คนเข้าเว็บ) นะครับผม
Step #3: เรามาเริ่มสร้างกลุ่มลูกค้าให้ถูกต้องกันครับ เพราะว่าโฆษณาของคุณจะรุ่ง หรือจะร่วงส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับการเจาะจงกลุ่มลูกค้า (Audience Targeting) ทั้งนั้นครับ
อันดับแรกเรามาดูตรงนี้กันครับ
- จังหวัดและพื้นที่ — คุณต้องทำการบ้านมาก่อนนะครับว่ากลุ่มลูกค้าของคุณคือใคร หรือถ้าไม่ได้ทำมาก็ไม่เป็นไรครับ ปล่อยให้เป็น “Thailand” ไปเลยครับ แล้วค่อยมาดูทีหลังว่าจังหวัดไหนให้ผลตอบรับดีที่สุด
- อายุ — อันนี้ไม่ต้องห่วงครับ ปล่อยให้ Facebook รันโฆษณาไปก่อนเลยครับ เราค่อยมาดูว่ากลุ่มไหนได้ผลดีที่สุดแล้วค่อยเปลี่ยนทีหลัง กฎของการทำโฆษณาคืออย่าคิดไปเองครับ ให้ข้อมูลและตัวเลขเป็นคนบอกดีกว่า
- เพศ — เหมือนกับอายุครับอย่าไปเดาว่าเพศหญิงหรือชายใครจะสนใจโฆษณาคุณมากกว่ากัน ผมเคยเจอสินค้าบางตัวอย่างแหวนงี้อะครับ คิดว่าจะไม่มีผู้ชายซื้อแต่ก็มีเยอะจนน่าตกใจเลยครับ
- ภาษา — อันนี้ก็เหมือนกันครับ อย่าไปห่วงเพราะเราไม่รู้ครับว่ากลุ่มลูกค้าของเราตั้ง Facebook ให้เป็นภาษาอะไร นอกจากคุณจะเจาะจงคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย อันนั้นก็ว่ากันอีกทีหนึ่ง
หลังจากที่ทำข้างบนไปแล้ว เรามาดูพระเอกสำคัญของเราเลยดีกว่าครับ นั้นก็คือการเจาะจงกลุ่มลูกค้า (Detailed Targeting) ครับ
ผมจะมาแนะนำการทำนิดหน่อยนะครับให้คุณสามารถเอาไปทำเองได้เลยหลังจากที่อ่านเสร็จแล้ว
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าการเจาะจง “ความสนใจ” (Interest) ใน Facebook มันไม่ตรงนะครับ เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถที่จะใช้กลยุทธ์ธรรมดาเพื่อจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้อีกต่อไปแล้วครับ
ที่เราจะทำในวันนี้ผมอยากจะเรียกมันว่า “รวมความสนใจ” หรือ “Combined Interests” ครับผม
หน้าตาจะเป็นแบบนี้ครับ อันนี้คือที่ผมทำให้กับโฆษณาของผมตัวหนึ่งนะครับ
สิ่งที่ผมทำก็คือ “ผมเจาะจงหลายชั้นครับ”
- เจาะจงคนที่ชอบเสื้อ T-shirt
- ต้องมีความสนใจทำธุรกิจด้วย
- ต้องติดตามเว็บ Marketing oops ด้วย
เพราะอะไรครับ? ก็อย่างที่ผมบอกไปเลยครับว่าการทำโฆษณาส่วนใหญ่เราจะไปเจอคนที่ไม่ค่อยสนใจสินค้าของเราเท่าไหร่
อย่างใน Facebook ถ้าคุณเกิดเลื่อนๆดู Feed เล่นๆแล้วเกิดไปเห็นคลิปไฟท์ของบัวขาวแบบนี้ครับ
แล้วคุณก็กดไลค์ไป Facebook ก็จะถือว่าคุณเป็นคนที่มีความสนใจเรื่อง “หมัดมวย” ครับผม ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจเลยครับว่าคุณชอบมวยจริงหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นผมเลยต้องเจาะจงหลายๆชั้นไว้ก่อนครับ ไม่งั้นจะเจอคนที่ไม่สนใจสินค้าเยอะ
Step #4: มาดูว่าตัว Placements อันไหนที่จะเหมาะกับโฆษณาของคุณกันครับผมจริงๆแล้วผมไม่กล้าจะบอกนะครับว่าอันไหนดีที่สุดเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของคุณล้วนๆเลยครับ
แต่ผมอยากจะให้คุณได้ความรู้จากบทความนี้จริงๆ ผมเลยอยากจะบอกคร่าวๆให้คุณเข้าใจครับ
Facebook Feed: จะได้ผลมากที่สุดครับถ้าเทียบกับ Placements อื่นๆ เพราะว่าคนที่อยู่หน้า Feed ของเฟสบุ๊คจะไม่ชิวเท่ากับ Instagram ครับ
Instagram: จะได้ผลดีที่สุดเมื่อตอนที่โฆษณาหรือสินค้าของคุณถ่ายรูปขึ้นครับ เช่นเป็นอาหาร หรืออะไรแบบนี้ครับ จะได้ผลดี แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นจะไม่โอเคเท่าไหร่ครับ
Mobile VS. Desktop อันไหนดีกว่ากัน?
คนที่ทำโฆษณามาสักพักก็คงจะรู้นะครับว่า เจาะจงคนที่ใช้ Desktop จะได้ Conversion ที่ดีกว่าอยู่แล้วครับ มันเป็นเพราะว่าคนที่ใช้มือถือหรือแท็บเลตส่วนใหญ่เข้าจะไม่ค่อยจริงจังตอนที่เล่นครับ อาจจะเล่นแก้เบื่อเฉยๆ ไม่ได้อยากจะซื้ออะไร
แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ เขาอาจจะกำลังมองหาอะไรอยู่ก็ได้ เช่น อยากจะหาซื้อเสื้อผ้า หรือรถมือสองสักคน อะไรประมาณนี้ครับ พอเข้าใจใช่ไหมครับ?
หลังจากเลือกตัวนี้แล้ว เราก็มาตัวต่อไปเลยครับ
Step #4: ตอนนี้เรามาตั้งค่าตัว Bidding กันครับ หลายๆคนไม่รู้ครับว่าต้องตั้งเท่าไหร่ดีถึงจะถูกต้อง เรามาดูกันเลยครับ
ตัว Bidding นี้จริงๆแล้วมันค่อนข้างจะซับซ้อนกว่าที่เห็นนะครับ ถ้าผมจะพูดในบทความนี้ผมกลัวว่ามันจะยาวไปหน่อยครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะรู้ ให้คอมเมนต์ไว้นะครับแล้วผมจะมาเขียนให้อ่าน
ตอนที่คุณทำแรกๆ ไม่ต้อง Set ตัว Bidding นะครับ เพราะว่าถ้าคุณกำลังเริ่มใหม่อยู่ คุณไม่น่าจะทำเป็นครับ
หลายๆคนทำแล้วโฆษณาไม่รันเลยเพราะตั้งน้อยไป เราไม่รู้ได้แน่ชัดหรอกครับว่าจะได้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นปล่อยให้ Facebook ตั้งไปก่อนครับ แล้วค่อยมาเปลี่ยนทีหลัง
หลังจากนั้นก็กด “Continue” (ต่อไป) เลยครับ แค่นี้ส่วนสำคัญในการสร้างโฆษณา Facebook ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับผม
อย่าลืมลง Facebook Pixel ในเว็บของคุณ
อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นครับว่า Facebook Pixel สำคัญมากๆ ให้เอาไปใส่ในเว็บของคุณซะนะครับ ถ้าไม่รู้ว่าใส่ยังไง ผมจะทำให้ดูคร่าวๆก่อนนะครับ จะได้เข้าใจตรงกัน
เจ้าตัว Facebook Pixel มันหน้าตาแบบนี้ครับ
วิธีสร้างและลง Facebook Pixel ด้วยตัวเอง
สำหรับคนที่ยังไม่เป็น ผมจะมาสอนการสร้างและลง Pixel ด้วยตัวเองครับผม มันง่ายๆครับ ไม่ต้องทำอะไรมาก เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
Step 1: ตอนแรกให้เข้าไปที่ Ad Manager ครับ แล้วจะเจอหน้าต่างแบบนี้ครับ แล้วก็กดตรงนี้ครับ
Step 2: แล้วคุณจะเห็นตัวนี้ครับ กดคำว่า “pixel” เลยครับ
Step 3:แล้วเราจะมาสร้าง Pixel ด้วยการกดปุ่มนี้ต่อเลยครับ
Step 4:คุณจะเจอ 3 ตัวเลือกครับ ให้เลือกตัวตรงกลางครับเพราะว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดครับ (ผมไม่ค่อยเก่ง Coding เท่าไหร่ด้วย ฮ่าๆ)
Step 5:สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ WordPress ให้ Copy โค้ดตัวนี้แล้วเอาไปใส่ใน <header> ในเพจ Index ของคุณเลยครับ
Step 6:สำหรับคนที่ใช้ WordPress มาดูทางนี้กันครับ เข้าไป Copy เลขตัวนี้แทนครับ ไม่ต้องไปยุ่งยากกับ Code ครับ
Step 7:จากนั้นก็หา Plugin ฟรีที่จะสามารถช่วยคุณใส่เลขได้ง่ายๆครับ ใช้คำว่า “Facebook Pixel” แล้วมันก็จะขึ้นมาเยอะแยะไปหมดเลยครับ เลือกตามสบายเลย
Step 8: หลังจากนั้นก็เอาเลขมาใส่ตรงนี้แล้วก็กด “Save changes” หรือ เซฟข้อมูล ก็เป็นอันที่เรียบร้อยแล้วครับ
Step 9:จากนั้นก็รอสักพักครับ แล้วถ้าทุกๆอย่างเสร็จแล้ว มันก็จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้เลยครับ
แค่นี้ก็เป็นอันที่เรียบร้อยครับสำหรับการสร้างและลง Facebook Pixel มันไม่ค่อยจะมีอะไรยุ่งยากเท่าไหร่ครับ เพราะ Facebook รู้ว่าคนส่วนใหญ่เขียนโค้ดไม่เป็น (รวมทั้งผมด้วย ฮ่าๆ)
หลังจากนี้เรามาดูข้อต่อไปกันเลยครับ นั้นก็คือการทำรูปโฆษณา Facebook ด้วยตัวเองครับ ถ้าคุณไม่อยากจะเสียเงินจ้างกราฟฟิค ดีไซน์เนอร์
ทำรูปโฆษณา Facebook (ฟรี) ทำยังไง มาดูกัน
ส่วนตัวผมตอนเริ่มแรกๆผมไม่ค่อยมีงบเยอะสักเท่าไหร่ครับ แล้วผมเป็นคนที่เชื่อว่าถ้าอยากจะทำธุรกิจอะไร ต้องทำทุกๆอย่างในธุรกิจให้ได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะจ้างคนอื่น ผมเลยชอบไปหาอุปกรณ์ตัวช่วยมาทำครับ
ตอนนี้การทำรูปโฆษณา Facebook ไม่ยากแล้วครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยมีอุปกรณ์มารองรับสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีเยอะมากครับ
แต่ตัวที่ผมชอบจริงๆมีอยู่แค่ตัวเดียวครับ นั้นก็คือ Canva ครับผม ไม่ต้องห่วงครับ มากับผม ผมเน้น “ฟรี” ไว้ก่อนครับ ฮ่าๆ
มาลุยกันเลยครับ
Step #1: อันดับแรกให้เข้าไปที่เว็บของ Canva ก่อนครับ แล้วคุณจะเห็นเพจนี้เลยครับผม
แล้วก็กดปุ่มนี้เพื่อเริ่มทำไปพร้อมๆกับผมเลยครับ ตอนกดเข้าไปเขาจะให้คุณสมัครนิดหน่อยครับ แต่ไม่มีปัญหาสมัครง่ายมากครับ
คุณสามารถสมัครโดยการใช้บัญชีของ Gmail หรือ Facebook คุณก็ได้ครับ
Step 2: Canva จะถามคำถามคุณนิดหน่อยเพื่อจะได้ช่วยเลือก Template โฆษณาให้คุณได้ครับ
Step 3: เลือกเสร็จแล้วก็จะมาหน้านี้เลยครับ หน้านี้คุณจะสามารถเลือก Template ได้ครับว่าจะใช้ตัวไหนที่เหมาะกับโฆษณาของคุณ ลองเลื่อนดูเล่นๆนะครับ ดูว่าอันไหนถูกใจคุณที่สุดครับ
Step 4: เมื่อเลือก Template เรียบร้อยแล้วก็ลองแต่งรูปดูครับ ผมเป็นคนดีไซน์ไม่เก่งเท่าไหร่ ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ ฮ่าๆ
Step 5:หลังจากตกแต่งอะไรเรียบร้อยแล้วก็กด “Download” เลยครับ แล้ว Canva จะถามว่าอยากจะเอา File นามสกุลอะไร ผมแนะนำให้เลือก PNG ครับ จากนั้นก็กด “Download” เลยครับผม
แค่นี้ก็เป็นอันที่เสร็จเรียบร้อยครับ เรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่าที่ผมทำไปมันเป็นหน้าตาออกมาเป็นยังไงตอนโหลดมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ไฟล์สำเร็จออกมาเป็นแบบนี้!

คำถามเกี่ยวกับโฆษณา Facebook ที่เจอบ่อย
เราใกล้จะมาถึงตอนสุดท้ายของบทความนี้กันแล้วครับผมเลยอยากจะเอาคำถามที่ผมเจอบ่อยๆ และคำตอบ (ของผม) มาให้คุณอ่านครับ
ผมหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์นะครับผม
คำถามที่ #1: โฆษณาใน Facebook ราคาเท่าไหร่?
อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณโฆษณาอะไรและโฆษณาของคุณตั้งมาดีแค่ไหนครับ ส่วนใหญ่ถ้า CTR (คลิก) ได้เยอะ โฆษณาก็จะถูกไปด้วย มันราคาตั้งแต่ ฿0.10 ไปจนถึง ฿20 ต่อคลิกหรือไลค์เลยครับ
คำถามที่ #2: กลุ่มเป้าหมายกว้างแค่ไหนถึงจะดี?
มันขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของคุณครับ แต่ผมอยากจะแนะนำว่าอย่างน้อยๆต้องได้อย่างน้อย 150,000 คนครับ
เพราะว่าถ้ากลุ่มเป้าหมายยิ่งเล็กเท่าไหร่ ราคาโฆษณาก็จะแพงไปด้วยครับ
คำถามที่ #3: ????? ถามผมได้ในคอมเมนต์เลยครับ
ตาคุณเอาไปลองแล้วครับ!
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้ไปลองทำโฆษณา Facebook ได้แบบไม่ต้องเสียเงินเยอะครับ อย่างที่ผมบอกไปครับว่าการโฆษณาไม่ได้จำเป็นว่าต้องแพงเสมอไป แพงแล้วก็ไม่ได้เแปลว่าจะดีเสมอไปด้วยครับ
ส่วนใหญ่มันขึ้นอยู่กับการที่คุณจัดสรรงบประมาณ และการบ้านที่คุณทำมาก่อนที่จะเริ่มทำโฆษณาครับ
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- (เนื้อหาปี 2022) วิธีทำโฆษณา Facebook วันละ 99 บาท แต่ได้ผลจริง (เหมาะสำหรับคนเริ่มใหม่)
- วิธีทำโฆษณา Instagram & สร้างกลุ่มเป้าหมายขั้นสูง (เนื้อหา 2022 อัพเดท)
- วิธีทำ SEO ให้ขึ้นหน้า 1 ของ Google ขั้นเทพ (สำหรับมือใหม่)
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
สิ่งที่ผมอยากจะย้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจบบทความนี้ก็คือ
- คุณต้องใช้ Facebook Pixel — เพราะว่าโฆษณาใน Facebook ส่วนมากคุณจะเจอคนที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่แท้จริงของคุณครับ คุณต้องให้ Facebook Pixel ช่วยเก็บข้อมูลว่าใครที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่แท้จริงของคุณได้
- คุณต้องใช้ Facebook Remarketing — การทำ Remarketing เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณทำกำไรเยอะๆได้จากโฆษณา Facebook ครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะทำ Remarketing ยังไง คุณต้องเรียนรู้ครับผม
สำหรับวันนี้ผมขอจบบทความนี้ไว้เท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามผมได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ
ผมมีคำถามจะมาถามคุณครับ
“ ปัญหาในการทำโฆษณา Facebook ของคุณคืออะไร?”
ตอบผมในคอมเมนต์ได้เลยครับ ผมจะรออ่าน ฮ่าๆ
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Comments
ต้องการทำเพจขายประกันภัย มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่อย่างไรบ้างครับ
จริงๆ ไม่ต้องแพงมากก็ได้นะครับ ผมคิดว่าน่าจะวันละประมาณ 250 – 300 บาทครับ ลองดูสัก 1 อาทิตย์ก่อนครับ
สำหรับคนงบน้อยควรเทสยังไงดีคะ😊
งบน้อยนี้ประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?
ขอบคุณที่มาอัพเดทนะครับ เป็นเพจที่ดีมากกกกกกกกกเลย ได้ความรู้ และใช้ประโยชน์ได้จริงครับ เข้าใจง่ายด้วย เพราะเวลาลงคอสเรียนเสียเงิน แต่ไม่สามารถจำหรือเก็บข้อมูลได้หมด บางทีฟังไปก็งงไปกับศัพท์เครื่องที่ใช้ ขอชื่นชมเจ้าของเพจ และเป็นกำลังใจให้ครับ เป็นแฟนคลับเพจนี้ไปซะแล้ว ข้อมูลน่าสนใจเยอะมาก
ว้าว ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับคอมเม้นที่ทำให้มีกำลังใจขึ้นมากเลยครับ
สวัสดีค่ะ อยากปรึกษาเรื่องการยิงโฆษณาบน Facebook ค่ะ
ตอนนี้ลองหาข้อมูลจากทางเน็ทแล้วยังไม่ได้คำตอบที่อยากได้
เลยอยากคุยปรึกษาจากผู้รู้โดยตรงค่ะ
ถ้ามีค่าเสียเวลาเท่าไหร่ต่อรองได้ค่ะ
สะดวกติดต่อทางอีเมล หรือว่า Facebook Messenger ได้นะคะ
Facebook: Gan Bongkoch
Email: bongkoch_n@hotmail.com
กำลังมาเห็นคอมเม้น ขออภัยด้วยนะครับ หวังว่าคุณพี่จะเจอคนที่ช่วยทำโฆษณาดีๆ ได้แล้วนะครับ ขอให้เฮงๆ ครับ
ต้องการทำโฆษณาขายของ
ทำให้ยอดขายของฉันเพิ่มขึ้น
ช่วยโฆษณา
สนใจยิงแอต
ผมอาจจะตอบช้าไปหน่อย เพราะว่าคอมเม้นปลอมมันเยอะมากครับ ผมกำลังมาเห็นว่ามีคอมเม้นจริงอยู่ เลยเพิ่งได้กดอนุมัติคอมเม้นไปครับ
ต้องขออภัยด้วยนะครับ หวังว่าคุณพี่จะเจอคนช่วยทำโฆษณาดีๆ แล้วนะครับ
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆ มีคำถามนิดหนึ่งค่ะ ถ้าอยากจะทำโฆษณาตอนนี้ ต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่คะ?
ผมว่าโดยทั่วไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมากนักนะครับ เตรียมไว้สักวันละ 100 – 150 ก็พอแล้วครับ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าขายของเกี่ยวกับอะไรด้วยครับ ถ้าเกิดขายของที่มันจำเพาะหน่อย อันนี้ต้นทุนก็อาจจะดันให้สูงขึ้นไปได้อีกครับ
แต่ถ้าขายของทั่วไปที่คนเข้าถึงได้ ไม่มีปัญหาครับ 100 – 150 วันก็พอแล้วครับ สำหรับคนเริ่มต้นใหม่
Leave a Comment