วิธีทำ A/B test ให้กับเพจโพสของคุณ (step-by-step)

บางทีผมก็งงเหมือนกันนะครับว่าทำไมคนถึงยอมเขียนข้อมูลส่วนตัวลงไปเยอะขนาดนั้นให้กับคนแปลกหน้าดูด้วย เอาเถอะครับ ไม่อยากจะนอกเรื่อง ฮ่าๆ
คุณรู้หรือเปล่าครับว่าคุณสามารถทำ A/B test ให้กับโพสในเพจของคุณได้ด้วย? ไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงนะครับ แต่สำหรับคนคลั่งการทำโฆษณาอย่างผม ผมชอบมากๆเลยครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่าต้องทำยังไง
บทความนี้มีอะไรบ้าง
Step #1: สร้างโพสขึ้นมา 2 โพส
ในเมื่อเราจะมาทำ A/B test กัน เราต้องสร้างโฆษณามา 2 ตัวครับ สิ่งที่คุณจะทดสอบได้ก็มีดังต่อไปนี้เลยครับ
- รูปกับโพส vs. วิดีโอกับโพส
- รูปกับโพส vs. ลิ้งโพส
- รูป แบบที่ A vs. รูป แบบที่ B
- CTA แบบที่ 1 vs. CTA แบบที่ 2
แบบนี้เป็นต้นครับ
รูปข้างล่างจะเห็นว่าผมทดสอบโพสที่มี emoji กับไม่มี emoji ครับ ดูว่าอันไหนคนชอบมากกว่ากัน
โพสที่ 2
อันนี้ผมทำให้ดูเฉยๆนะครับ จริงๆแล้วผมลองมาแล้วครับ มี emoji ดีกว่าเยอะครับ
เราทดลองแบบนี้เพื่ออยากจะรู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ลูกค้าคลิกหรือซื้อของจากเรามากขึ้นครับ บางทีอาจจะเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆอย่างแค่รูปสีไม่ดีพอหรืออะไรแบบนี้ครับ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะรู้จริงๆ เราต้องทดลองดูครับ
Step #2: ซ่อนโพสจากหน้าเพจ
อันนี้สำคัญครับเพราะว่าคุณคงไม่อยากให้คนที่เข้ามาในเพจคิดว่าเมื่อคืนคุณเมาเหล้าหรือเปล่าถึงได้โพส 2 อันติดๆกันได้
การซ่อนโพสก็ง่ายๆเลยครับ แบบนี้เลย
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับการซ่อนโพสครับ
Step #3: บูทโพสทั้ง 2 ตัว
ตอนนี้มาถึงขั้นตอนที่น่าสิ่วหน้าขวานแล้วครับ ตอนนี้เราต้องมาบูสโพสเพื่อจะดูว่าอันไหนมันได้ผลมากกว่ากัน
เหมือนที่ผมพูดไปใน e-book อย่าลืมกดเปิด Facebook pixel ด้วยนะครับ ถ้าใครที่ยังไม่ได้อ่าน e-book ที่ผมเขียนไป อย่าพลาดครับ เข้าไปดูได้ที่นี้เลยครับ: {link goes here}
เปิด Facebook pixel เรียบร้อยแล้วอย่าลืมที่จะเน้นตรงนี้เน้นนะครับ ตัวเจาะจงกลุ่มลูกค้าครับ สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเจาะจงลูกค้ายังไงดี ผมมี 21 ไอเดียให้ไปเจาะจงลูกค้าเจ๋งๆมาฝากครับ:โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ ที่คุณอาจจะนึกไม่ถึง
แล้วหลังจากนั้นค่อยมาดูกันครับว่าอันไหนได้ผลดีที่สุด
Step #4: จับตาดูผลลัพท์ที่ได้จากบูทนี้
ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวก็คือต้องรอให้ Facebook อนุมัติโฆษณาเสร็จแล้วก็ลองให้มันรันสัก 1–2 วันครับ ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนอะไรสักอย่าง เพราะว่าถ้าเปลี่ยนเร็วเกินไปคุณอาจจะไม่ได้ฐานข้อมูลที่ดีและตรงขนาดนั้น
สุมมติว่าถ้าโฆษณาของคุณรันตอน บ่าย 2 ถึง 1 ทุ่ม กลุ่มลูกค้าที่ชอบเล่นตอนค่ำหน่อยก็จะไม่ได้เห็นโฆษณาของคุณ ถ้าคุณเห็นว่าค่าโฆษณามันแพงแล้วหยุดไปก่อน คุณก็จะเสียโอกาสตรงนี้ไปได้ครับ
ถ้ายังไม่ได้ผลดีพอ ลองใช้เทคนิคพวกนี้ที่ผมแชร์เอาไว้เพื่อไปปรับเปลี่ยนโฆษณาของคุณดูครับ: 25 เทคนิคเอาไป optimize โฆษณา Facebook ของคุณให้ได้กำไร 10x
ผมมั่นใจครับว่าส่วนใหญ่แล้วผลลัพท์ได้ไม่เหมือนกันแน่นอนและคุณจะได้โพสที่ได้ผลมากกว่าแน่นอนครับ
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- 87 สถิติที่คุณต้องรู้ (ถ้าทำโฆษณาใน Facebook)
- 43 ตัวอย่างโฆษณา Facebook ที่ (เจ๋งจนต้องร้องขอชีวิต) สำหรับปี 2018
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
เสร็จแล้วค๊าบ!
ลองเอาปรับใช้กับโฆษณาของคุณดูครับ ลองดูว่าแบบไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะคนที่ทำโฆษณาแบบคุณแล้ว การทดลองคือส่วนที่สำคัญที่สุดครับ
ถ้ามีคำถามอะไร ถามผมมาได้ตลอดเลยนะครับ ผมจะพยายามตอบทุกคำถามครับ
โชคดีครับผม
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment