วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ “ร้านอาหาร” รวยๆขึ้น

ธุรกิจร้านอาหารก็เป็นหนึ่งในธุรกิจหนึ่งที่ผมชื่นชอบและหลงไหลมานานเลยทีเดียวครับ สารภาพเลยนะครับว่าไม่เคยเปิดร้านอาหารมาก่อน แต่เคยทำการตลาดออนไลน์ให้กับร้านอาหารมาเยอะครับ
ร้านอาหารจากแต่ก่อนขอแค่มีทำเลดีและเปิดมานาน ก็มีคนเข้าแล้วครับ สมัยนี้มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้วครับ
ตอนนี้การแข่งขันอะไรๆก็สูงไปหมดครับ โดยเฉพาะร้านอาหาร ถ้าไม่ใช่คนที่พื้นที่ คนส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลในเน็ตครับว่าร้านไหนดี ผมก็ทำเหมือนกันครับ
ดังนั้นตอนนี้ร้านอาหารกับโฆษณาเป็นออนไลน์นี้เป็นของคู่กันไปแล้วครับ ในโพสนี้เรามาพูดถึงการทำการตลาดออนไลน์ที่จะทำให้ร้านอาหารของคุณขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยดีกว่าครับ
บทความนี้มีอะไรบ้าง
ไม่ต้องสร้างเว็ปให้กับร้าน
เหมือนในโพสที่ผมพูดเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมครับ ว่าสมัยนี้มีหน้าเว็ปไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วครับ เพราะมีหน้าเว็ปเราต้องไปเสียค่าอะไรอย่างอื่นอีก เสียเวลาและเสียเงินครับ เก็บตังไว้ไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า
ผมจะลองค้นหาคำว่า “ร้านอาหารเชียงใหม่” ให้ดูนะครับ ดูว่าจะเจออะไร


เห็นไหมครับว่า ผมไม่เจอเว็ปร้านอาหารสักเว็ปเดียว ที่เจอก็เป็นพวกเว็ป review ทั้งนั้น เราเลยต้องปรับแผนกลยุทธ์กันใหม่ การสร้างเว็ปไซต์ให้กับร้านของคุณจึงไม่จำครับ
แล้วเราทำยังไงดีครับ? เป็นคำถามที่ดีเลยครับ คำตอบคือเราต้องเอาร้านอาหารของเราไปอยู่ในเว็ปข้างบนให้ได้ครับ
ที่เราเห็นหลักๆเลยก็มี Pantip และ Wongnai ครับ เรามาเริ่มจาก 2 เว็ปนี้ก่อนเลยครับ
กลยุทธ์ที่จะทำให้เข้าไปใน 3 เว็ปนี้ได้
ในแต่ละเว็ปเราจะต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันนิดหน่อยนะครับ ผมจะเริ่มจาก Pantip ส่วน Wongnai นี้ผมจะพูดเป็นอันสุดท้ายครับ
เว็ป Pantip กลยุทธ์ที่ 1: จ้างคนชอบเที่ยวกิน review ร้านให้
จากที่เราเห็นกันว่า พันทิปจะขึ้นอันดับแรกส่วนใหญ่เกือบทุกครั้งใน Google ครับ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความสนใจกับเว็ป Pantip มากที่สุด โดยเฉพาะถ้าลูกค้าของคุณส่วนใหญ่เป็นคนไทย
หลังจากที่ผมค้นหาคำว่า “ร้านอาหารเชียงใหม่” แล้ว ผมจะคลิกไปที่ลิ้งแรกเลยนะครับ

หลังจากนั้นก็ลองเลื่อนลงมาดูว่ามีคนกดชอบเยอะหรือเปล่า ถ้ามีเยอะกดตรงนี้เพื่อเข้าไปดูโปรไฟล์คนๆนี้ต่อครับ

หลังจากที่ผมเลื่อนลงมาดูแล้ว ผมเห็นว่าคนๆนี้เขา review มาหลายร้านละ น่าจะฝากฝังให้เขาช่วยรีวิวร้านให้ได้ครับ

ผมก็เลยเลื่อนขึ้นมาแล้วก็กดตรงนี้ครับ

เขียนข้อความเสร็จก็กดส่งเลยครับ

ถ้าจะให้ดี อยากให้ติดต่อหลายๆคนครับ เพราะว่าเราอาจจะไม่ได้ข้อความตอบกลับจากทุกคนครับ
* เราไม่จำเป็นต้องจ้างเงินทุกคนครับ เพียงแค่ให้ voucher และค่าน้ำมันนิดหน่อย ส่วนใหญ่เขาก็มาครับ แต่ลองตกลงกับคนเขียนเอาเองนะครับ
เว็ป Pantip กลยุทธ์ที่ 2: ติดตาม Tag ในอำเภอและจังหวัดของคุณ
เพราะว่าคนที่มาเที่ยวหรือคนที่ค้นหาข้อมูลร้านอาหารจะมาโพสกระทู้ถามครับ ถ้าคุณไม่มาติดตาม อาจจะเสียโอกาสได้ง่ายๆครับ

ถ้าใครที่ยังไม่รู้ว่าติดตาม Tag ยัง ให้ทำตามผมเลยนะครับ ก่อนอื่นกดมาพันทิปหน้าแรกเลยครับ จะเห็นอยู่ตรงนี้เลย คลิกเข้าไปเลยครับ

พิมพ์ชื่อจังหวัดลงไปเลยครับ จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้ครับ แล้วก็คลิกเข้าไปเลย

จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้ครับ หลังจากนั้นจะโพสคุยกับคนในพันทิปแท็กนี้ก็ได้หรือรอให้มีกระทู้ร้านอาหารเข้ามาแล้วค่อยเข้าไปตอบครับ

เว็ป Wongnai กลยุทธ์ที่ 1: จ้างคนมา review ให้ (เหมือน Pantip เลยครับ)
เพื่อความละเอียดและเนื้อหาครบถ้วนของโพสต์นี้ ผมจะทำให้ดูก่อนนะครับ แต่ทุกๆอย่างคล้ายกับที่เราทำในพันทิปเลยครับ
หลังจากค้นหาคำว่า “ร้านอาหารเชียงใหม่” ผมเห็นว่า Wongnai ติดหน้าแรกกูเกิ้ลด้วย ผมเลยกดเข้าไปเลยครับ
*ถ้าขอให้เว็ปมารีวิวให้เลย ราคาจะตกอยู่ที่ 15,000 บาทครับ

แล้วเลื่อนลงมาตรงนี้เพื่อกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนเขียนครับ

กดตรงนี้เพื่อส่งข้อความครับ

เขียนข้อความสั้นๆง่ายๆครับ เสร็จแล้วกดส่งเลย

เว็ป Wongnai กลยุทธ์ที่ 2: ขอให้ลูกค้าลงภาพและเขียนรีวิวให้
ร้านของคุณจะติดอันดับที่ดีในวงในหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่างสำคัญครับ
- เรทติ้ง
- จำนวนของรูปภาพ
- จำนวนของรีวิว
ถ้าคุณมี 3 อย่างนี้น้อย จะมีโอกาสยากที่ร้านคุณจะไปติดหน้าแรกของ Wongnai ถ้าเราใส่คำค้นหาลงไป เช่น คำว่า “เชียงใหม่” เป็นต้น

เราจะเห็นว่า ร้านที่ตัดหน้าแรกของคำค้นหา “เชียงใหม่” จะเป็นร้านที่มีเรทติ้งอย่างน้อย 4 ดาวครับ
เว็ป Wongnai กลยุทธ์ที่ 3: โฆษณาในเว็ป Wongnai เลย
เว็ปวงในเปิดให้กับร้านอาหารได้โฆษณาในเว็ปนะครับ อันนี้เราต้องไปจ้างทาง Wongnai เขามาทำโฆษณาให้กับเราครับ ซึ่งรายละเอียดยังไงคงต้องโทรไปคุยกับทีมงานของ Wongnai เอง เพราะผมก็ไม่กล้าจะให้ข้อมูลที่ไม่มั่นใจ 100%
โฆษณาหน้าตาจะออกมาเป็นแบบนี้ครับ

กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าออนไลน์ ได้ผล 100%
กลยุทธ์ที่ 1: จัด Event บน Facebook
ลองคิดไอเดีย event เด็ดๆขึ้นมานะครับว่าทางร้านของคุณเหมาะกับการจัด event แบบไหน เช่น ถ้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ผมอาจจะจัด event แข่งกินซูชิ หรือไม่ก็ event สอนทำซูชิด้วยตัวเองครับ เพื่อดึงดูดคนเข้ามาในร้านให้มากที่สุด เพราะถ้าเขารู้จักร้านคุณแล้ว เขาก็จะอยากลองครับ
ถ้าคนที่ยังจัด Event บน Facebook ไม่เป็น ผมจะมาสอนคร่าวๆก่อนเลยนะครับ
เปิด Facebook มาแล้วดูตรงแท็ปฝั่งซ้ายครับ จะเห็นคำว่า event

หลังจากนั้นก็กดตัว “create event”

เลือก “create public event” เพื่อให้ใครๆก็สามารถเห็น event ของคุณได้ครับ

ใส่ข้อมูลทั้งหมดแล้วก็กด “create” เลยครับ

แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ
กลยุทธ์ที่ 2: โฆษณาใน Facebook เพื่อแย่งลูกค้าจากร้านคู่แข่ง
กลยุทธ์ของเราก็ง่ายๆครับ ยิงโฆษณาไปให้คนที่กดไลค์ร้านอาหารคู่แข่งครับ แต่ควรจะเลือกร้านที่ขายอาหารคล้ายๆกันนะครับ เช่น ถ้าคุณเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นก็ควรจะไป target ลูกค้าของร้านอาหารญี่ปุ่นร้านอื่น ไม่ใช่ร้านอาหารเหนือ เพราะว่าคนที่ทานอาหารเหนือบางทีอาจจะไม่อยากทานอาหารญี่ปุ่นครับ จะเปลืองตังเปล่าๆถ้าไปยิงโฆษณาให้กับกลุ่มลูกค้าพวกนั้น
ตอนนี้เราเข้าใจกลยุทธ์กันแล้วนะครับ ผมจะทำให้ดูก่อนแบบง่ายๆครับ เพื่อจะได้เอาไปทำได้เองเลย
อันดับแรก เข้ามาใน page ของโรงแรมคุณก่อนครับ ดูว่าโพสไหนที่คุณอยากจะโฆษณา (ถ้ายังไม่มีโพส ให้รีบสร้างนะครับ)

จะได้หน้าต่างที่เป็นแบบนี้ครับ อันดับแรกต้องกดที่ “create new audience” ก่อนนะครับ มันคือการบอก Facebook ว่า เรากำลังจะเจาะจงกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่ใช่ที่ Facebook ตั้งมาให้ครับ

หลังจากนั้นก็ใส่ชื่อโรงแรมคู่แข่งของคุณทั้งหมดลงไปเลยครับ จากนั้นก็กด “save” ครับ

ตั้งงบที่อยากจะจ่ายต่อวัน เสร็จแล้วก็กด “boost” ได้เลยครับ

หลังจากนั้นก็รอ Facebook อนุมัติโฆษณา ส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีครับ หลังจากนั้นคุณก็รอได้รับลูกค้าใหม่ได้เลยครับ
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- (เนื้อหาปี 2022) วิธีทำโฆษณา Facebook วันละ 99 บาท แต่ได้ผลจริง (เหมาะสำหรับคนเริ่มใหม่)
- วิธีทำโฆษณา Instagram & สร้างกลุ่มเป้าหมายขั้นสูง (เนื้อหา 2022 อัพเดท)
- วิธีทำ SEO ให้ขึ้นหน้า 1 ของ Google ขั้นเทพ (สำหรับมือใหม่)
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
ทำยังไงต่อหลังจากนี้?
สิ่งที่คุณควรจะทำหลังจากนี้คืออยู่เฉยๆไปก่อนครับ ดูว่าผลตอบรับเป็นยังไง ถ้ามีลูกค้าเข้าร้าน อย่าลืมถามนะครับว่าเขาเจอร้านคุณมาจากไหน เพราะคุณจะได้รู้ว่าเว็ปไหนดึงลูกค้าเข้ามาเยอะที่สุด แล้วถ้าเวลาผ่านไปสัก 1 – 2 เดือน คุณเริ่มเข้าใจแล้วว่าเว็ปไหนดีสุดสำหรับร้านคุณ คุณก็พุ่งเป้าไปที่เว็ปนั้นเลยครับ
ถ้ามีคำถามอะไรคาใจ ถามผมมาได้เลยนะครับ ผมจะพยายามตอบทุกคำถามครับ
โชคดีและขอให้ขายดีๆ รวยๆนะครับ 🙂
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment