วิธีสร้าง Lookalike audience ให้ได้ผลจริง (ฉบับเต็ม)

สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นหูกับคำๆนี้ Lookalike Audience ก็คือกลุ่มคนที่มีพฤติกรรม หรืออะไรที่คล้ายๆกับกลุ่มเป้าหมายของคุณที่มีอยู่ตอนนี้อยู่แล้วครับ เช่น ถ้าคุณเปิดร้านอาหารแล้วคุณมีฐานลูกค้าพอสมควร และอยากจะหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มอีกแต่ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าคุณมีข้อมูลของกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว คุณสามารถเอามาให้เฟสบุ๊คหา “Lookalike Audience” ให้ได้เลยครับ
เฟสบุ๊คจะไปตามหาคนที่มีความชอบ นิสัย และการใช้ Facebook คล้ายๆกับกลุ่มลูกค้า ที่คุณเจาะจงอยู่ตอนนี้ครับ เช่น ถ้ากลุ่มลูกค้าของคุณคือคนวัยกลางคนที่ชอบออกไปเที่ยวตอนกลางคืน และกินเบียร์ช้างและคุณมีฐานข้อมูลอยู่แล้วคุณก็สามารถเอาไปให้ Facebook แล้วระบบจะตามหาคนที่มีพฤติกรรมคล้ายๆกันมาครับ
พอจะเข้าใจไหมครับ?
เป็นแบบในรูปข้างล่างนี้เลยครับ

จากภาพข้างบนเราจะเห็นว่าคุณสามารถขยายจากกลุ่มเป้าหมายแค่ 4 คนไปเป็น 40 – 50 คนได้ แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า จริงๆแล้วถ้าคุณมีข้อมูลของฐานลูกค้าแค่ 4 คนนี้ทำ Lookalike Audience ไม่ได้นะครับ ฮ่าๆ
บทความนี้มีอะไรบ้าง
ทำไมถึงต้องใช้ Lookalike Audience?
การที่เราจะทำโฆษณาได้สำเร็จหรือเปล่ามันมีเคล็ดลับอยู่ 1 ตัวเท่านั้นครับ นั้นก็คือ “ข้อมูลของลูกค้า” ครับ เพราะว่ายิ่งคุณเข้าใจลูกค้ามากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถขายของให้เขาได้เยอะเท่านั้นครับ
การโฆษณาร้อยทั้งร้อยไม่สามารถที่จะเจาะจงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจริงๆ 100% หรอกครับ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องมีวิธีที่จะทำยังไงก็ได้ให้เราได้ข้อมูลของกลุ่มลูกค้ามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
ถ้าเราได้ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าเรามาพอสมควรแล้ว เราก็จะให้เฟสบุ๊คเป็นตัวช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับเราครับ นั้นก็คือการทำ Lookalike Audience นั่นเอง
การทำ Lookalike Audience มันจะเป็นตัวแปรระหว่างคุณทำเงิน 50,000 ต่อเดือนก้าวกระโดดไปยัง 5,000,000 ต่อเดือนเลยครับ เหตุผลง่ายๆก็คือคนส่วนใหญ่ (90%) ไม่สามารถหาข้อมูลของลูกค้าเร็วเท่ากับเฟสบุ๊คได้ครับ และเฟสบุ๊คเขาก็มีข้อมูลของฐานลูกค้าของคุณไว้หมดแล้ว
ถ้าอยากจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด คงจะหนีการทำ Lookalike Audience ไม่ได้ครับ
เรามาเข้าใจกันไปคร่าวๆแล้วครับว่า Lookalike Audience มันคืออะไร ตอนนี้เรามาดูต่อกันเลยดีกว่าครับว่าถ้าเราจะทำ Lookalike Audience เราต้องทำยังไง
มาดูกันเลยครับ
สิ่งที่ต้องจำก่อนสร้าง Lookalike Audience
หลายๆคนคิดว่าการสร้าง Lookalike Audience คือการที่ขยายฐานลูกค้าเท่านั้น ถ้าพูดกันตรงๆแล้วมันก็ใช่นะครับ แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าจะทำให้ถูกต้องและได้ผลจริงมันต้องมีวิธีทำและคิดครับ
ผมจะมาแชร์ต้องที่ผมทำทุกๆครั้งก่อนที่ผมจะสร้าง Lookalike Audience ครับ
การสร้าง Lookalike Audience นั้นคุณต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยนี้ก่อนครับ
- Lifetime Value ของกลุ่มเป้าหมาย
- ความติดแบรนด์ของกลุ่มเป้าหมาย
- ค่าใช้จ่ายแต่ละทีของกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งที่คนทำ Lookalike Audience แล้วผิดพลาดก็เพราะว่าไม่ได้คำนึงถึงปัจจัย 3 อย่างที่ผมพูดถึงข้างบนนี้แหละครับ เพราะว่าคุณคงไม่อยากจะไปเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่คุณไม่รู้ว่าจะซื้อสินค้าของคุณหรอกใช่ไหมครับ?
มันเสียทั้งเงิน + เวลาครับ
คุณต้องคิดว่าเป้าหมายของการโฆษณาของคุณคืออะไรนะครับ เช่น ถ้าเป้าหมายของคุณคือการที่จะเพิ่มยอดขาย คุณก็ควรจะทำ Lookalike Audience กับฐานลูกค้าเดิมของคุณที่ซื้อของคุณอยู่แล้วครับ
เพราะว่ากลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มเขามีพฤติกรรมไม่เหมือนกันครับ และถ้าคุณเจาะจงคนที่ซื้อของจากคุณอยู่แล้ว คุณก็จะมีโอกาสที่จะยิงโฆษณาไปหาคนที่เหมาะสำหรับสินค้าของคุณมากกว่าครับ
คุณสามารถปรับเปลี่ยนตั้งค่าการสร้าง Lookalike Audience ได้ดังนี้ครับ
- ใช้ฐานข้อมูลอื่นร่วมด้วย – ฐานข้อมูลอื่นในที่นี้ผมหมายถึงฐานข้อมูลที่คุณคิดว่ามันคล้ายกับฐานข้อมูลที่คุณจะใช้สร้าง Lookalike Audience ครับ เช่น ถ้าคุณอยากจะสร้างฐานข้อมูลจากคนที่ซื้อสินค้าของคุณอยู่แล้วและคุณเห็นว่าข้อมูลของคุณมีน้อยมาก คุณลองเข้าไปดูว่าฐานข้อมูลของคนที่ “คลิกโฆษณา” ของคุณเป็นยังไง ถ้าคุณเห็นว่าสามารถใช้ด้วยกันได้ คุณก็ใช้เข้าร่วมกับฐานข้อมูลลูกค้าของคุณได้เลยครับ
- ดูว่าฐานข้อมูลใหญ่หรือไม่ – จริงๆแล้ว ฐานข้อมูลยิ่งใหญ่ยิ่งดีครับเพราะว่าเฟสบุ๊คจะสามารถเอาข้อมูลพวกนั้นไปค้นหาและเทียบกับข้อมูลคนใช้เว็บที่เขามีอยู่แล้วแต่มันก็ไม่เสมอไปครับ อย่างที่ผมบอกไปก็คือคุณต้องมั่นใจก่อนว่าข้อมูลของฐานลูกค้าของคุณมาจากคนกลุ่มเดียวกัน ไม่งั้นคุณจะไปเจอคนที่ไม่ใช่สำหรับสินค้าของคุณครับ
เจ้าตัว “Lookalike Audience” ถึงแม้มันจะดียังไงมันก็มีข้อผิดพลาดอยู่นะครับ ผมแนะนำให้คุณวัดผลโฆษณาของคุณให้ดีครับ และปิดโฆษณาให้เร็วถ้ามันไม่ได้ผลครับ
ฐานข้อมูลของลูกค้าที่ต้องมีก่อนสร้าง Lookalike Audience
แต่ตามประสบการณ์ผมแล้ว ผมใช้เวลากับการทำ Lookalike Audience มาหลายปี ผมจะจำไว้ตลอดว่าผมต้องมีข้อมูลของฐานลูกค้าอย่างน้อยๆเลยก็คือ 1,000 คนครับ ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมอยากจะมั่นใจว่าเฟสบุ๊คจะหาคนที่เหมือนกันกลุ่มลูกค้าของผมจริงๆ
ถ้าเป็นฐานข้อมูลที่ไม่ค่อยมีคุณค่ามาก เช่น Post Engagements, Page Likes อะไรแบบนี้คุณต้องการฐานข้อมูลเยอะกว่านี้ครับ
อย่างน้อยก็คูณไปเลย 5x ครับ เช่น ตอนแรกเราต้องการ 1,000 คนเพื่อจะสร้าง Lookalike Audience เราใส่ไปเลยครับ 5,000 คนถ้าเป็นฐานข้อมูลที่มีคุณค่าน้อยครับ
เพราะว่าการกด “ไลค์” เพจหรือโฆษณาของคุณ กลุ่มเป้าหมายเขาไม่ต้องทำอะไรมากครับ แค่กดไลค์แล้วก็ผ่านไปเฉยๆ แต่การซื้อของจากร้านของคุณเขาต้องทำอะไรเยอะกว่ามากครับ เพราะฉะนั้นเขาจะเป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ดีมากครับ
ตั้งเป้าไปที่ฐานข้อมูลคุณค่าสูงก่อน
ถ้าคุณมีฐานข้อมูลของลูกค้าของคุณเยอะ ผมแนะนำให้แบ่งออกเป็นกลุ่มๆไปนะครับ อย่าใส่ในที่เดียวกันเพราะว่าพฤติกรรมของคนแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกันครับ และคุณควรจะตั้งเป้าไปที่ฐานข้อมูลที่มีมูลค่าสูงก่อนครับ
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีฐานข้อมูลของคนเข้าเว็บคุณ 10,000 คน คุณควรที่จะตั้งเป้าไปที่คนที่ใช้เวลาเยอะที่สุดในเว็บของคุณครับ ไม่ใช่เจาะจงทุกคน

และถ้าคุณเป็นบริษัทที่ทำทั้ง B2B และ B2B คุณก็ต้องแยกกลุ่มลูกค้าให้อยู่ใน List ที่ควรจะอยู่ครับเพื่อจะได้ใช้ง่ายในครั้งต่อไป
วิธีการสร้าง Lookalike Audience แบบง่ายๆ
หลายๆคนยังไม่มั่นใจครับว่าจะสร้าง Lookalike Audience ยังไงผมเลยอยากจะมาทำให้ดูคร่าวๆให้เป็นแนวทางก่อนครับ
ตอนนี้ Facebook ได้พัฒนาระบบไปเยอะเลยครับเพราะว่าสามารถสร้าง Lookalike Audience ได้ง่ายมากครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องทำหลายขั้นตอนมาก
การสร้าง Lookalike Audience จะทำได้อยู่ 5 ทางครับ
- สร้างจากคนที่ตอบรับ (Engage) กับโฆษณาหรือโพสของคุณ — เฟสบุ๊คจะไปดูว่าคนที่มีอะไรเหมือนๆกับคนที่ไลค์ คอมเม้น หรือแชร์โพสหรือโฆษณาของคุณเป็นยังไง
- สร้างจาก Email List ของคุณ — ถ้าคุณมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และมี Email Address ของเขา คุณสามารถเอามาใส่ใน Facebook เพื่อให้ Facebook สร้าง Look Alike Audience ให้ได้เลยครับ (แต่ฐานลูกค้าต้องใช้ Email ที่ให้มาสมัครบัญชีกับ Facebook นะครับ ไม่งั้นคงหาไม่เจอ)
- สร้างจากคนที่เข้าเว็บของคุณจาก Facebook — อย่างผมชอบเจาะจงคนที่เข้าไปอ่านในหน้า … เป็นเวลา …. ครับ เพราะว่าคนที่เข้าแล้วออกเลยคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไป Target เขาครับ
- สร้างจากเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าคุณ — ถ้าคุณเป็นร้านค้าและมีเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าอยู่แล้วอันนี้เจ๋งเลยครับ เอาไปใส่ใน Facebook ให้เขาหาคนที่เหมือนๆกับกลุ่มลูกค้าของคุณได้เลยครับ
- สร้างจากคนที่ไลค์เพจของคุณ — ตัวนี้ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับแต่ก็แค่อยากจะบอกว่าทำได้ครับ เพราะว่าคนที่ Like เพจของคุณไม่ได้แปลว่าเขาชอบและจะมาเป็นลูกค้าของคุณครับ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
ขั้นตอนที่ #1: เข้าไปยัง Ad Manager แล้วก็กดตรงนี้เพื่อจะเข้าไปสร้าง Lookalike Audience เลยครับ
ขั้นตอนที่ #2: ต่อมาก็คลิกตรงนี้เลยครับเพื่อที่จะเข้าไปตั้งค่าและสร้าง Lookalike Audience
ขั้นตอนที่ #3: ถ้าคุณมี List ของกลุ่มลูกค้าของคุณที่คุณบันทึกเอาไว้อยู่แล้วให้คลิกตรงช่องนี้แล้วก็ใส่ชื่อ List เข้าไปเลยครับ ของผมจะใช้ List ของกลุ่มลูกค้า “โรงแรม” ครับ
ข้อควรจำ: ไอ่ตรง “Audience Size” เนี้ยครับมันแปลว่าคุณอยากจะให้ Facebook หาคนที่เหมือนกับกลุ่มลูกค้าของคุณเยอะแค่ไหน คำแนะนำของผมก็คือสุดๆแล้วอย่าให้เกิน 6 นะครับ เพราะไม่งั้นกลุ่มลูกค้ามันจะใหญ่เกินไปแล้วเดี๋ยวจะไปเจอคนที่ไม่ได้สนใจโฆษณาของคุณครับ
ย้ำอีกครั้งนะครับ อย่าให้เกิน 6
ความจริงการทำ Lookalike Audience ก็มีแค่นี้ครับ หลังจากนี้ก็ทำตามขั้นตอนเลยครับ
3 กลยุทธ์ในการใช้ Lookalike Audience ให้ถูกวิธี
ผมเชื่อครับว่าหลายๆคนก็ทำ Lookalike Audience เป็นแล้วแต่ถ้าจะทำให้ถูกมันต้องมีเชิงและกลยุทธ์กันหน่อยครับ
เหมือนการยิงปืนครับ ใครๆก็ยิงเป็นแต่ถ้าจะยิงให้แม่นและเก่งอันนี้ต้องมีเทคนิคและกลยุทธ์เข้ามาช่วยครับ
ในการใช้ Lookalike Audience ก็เหมือนกันครับ เราจะมาพูดถึงการใช้กลยุทธ์เพื่อที่จะทำให้ Lookalike Audience ของคุณได้ผลดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
กลยุทธ์ที่ #1: ต้องมีข้อมูลข้องลูกค้าอย่างน้อย 200 คน
ถ้าร้านค้าของคุณมีคนมาซื้อแค่ 10–20 คนต่ออาทิตย์ เดือนๆหนึ่งก็ได้แค่ 40–80 คนอันนี้ยังถือว่าไม่พอครับ เพราะว่าฐานข้อมูลยังเล็กเกินไปที่จะสร้าง Lookalike Audience ที่มันจะมีประสิทธิภาพได้
Facebook อาจจะยอมให้สร้างครับแต่ผมไม่แนะนำเด็ดขาดเพราะไม่งั้นคุณจะไปเจอคนที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของคุณเยอะครับ
จำไว้นะครับต้องมีข้อมูลอย่างน้อย 200 คนก่อน
กลยุทธ์ที่ #2: ใช้ข้อมูลที่มีประโยชน์เท่านั้น
ข้อนี้อาจจะฟังแล้วดูจะง่ายๆนะครับอาจจะเป็นเพราะว่าง่ายครับหลายๆคนเลยลืมทำ ลองคิดง่ายๆนะครับว่าถ้า Fan Page ของคุณมีคนที่กดไลค์เยอะแต่มีคนสนใจที่จะกด Like แค่นิดเดียว (แต่เข้าถึงเยอะ) แสดงว่าฐานข้อมูลของคุณใช้ไม่ได้ครับ
ถ้าเกิดคุณไปสร้าง Lookalike Audience ที่เหมือนกับคนที่ Like เพจของคุณ คุณก็จะได้แต่คนที่ไม่สนใจสินค้าหรือบริการของคุณครับ
เสียเวลา + เสียเงินเปล่าๆ
กลยุทธ์ที่ #3: ควรจะตั้งเป้าไปที่ 3 ตัว Conversion นี้ก่อน
สำหรับคนที่อยากจะขายของให้เยอะกว่าเดิม ผมอยากจะให้ตั้งเป้าไปที่ 3 ตัว Conversion นี้ก่อนนะครับ
Conversion ถ้าพูดง่ายๆเป็นภาษาไทยแล้วก็คือ “การเปลี่ยนผัน” คือการที่ลูกค้าทำอะไรในสิ่งที่คุณต้องการครับ ผมจะยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆนะครับ
สมมุติว่าเป้าหมาย Conversion ของผมคือ “การขาย” นะครับ
- ลูกค้าเห็นโฆษณาของคุณ
- ลูกค้าตัดสินใจคลิกโฆษณา
- ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
นี้ล่ะครับผมได้ 1 Conversion แล้ว
ถ้าเกิดว่าเป้าหมาย Conversion ของผมคือ “คนคลิกโฆษณา” นะครับ
- ลูกค้าเห็นโฆษณาของผม
- ลูกค้าคลิก
ผมก็ถือว่าได้ 1 Conversion ครับ พอเข้าใจไหมครับ?
3 ตัว conversion ที่ผมอยากจะให้คุณเจาะจงก็คือ
- ข้อมูลการซื้อ — ให้ Facebook Pixel เก็บข้อมูลว่ามีใครที่ซื้อของคุณบ้าง แต่ถ้าไม่มีข้อมูลเยอะก็มาดูข้อต่อไปกันครับ
- ข้อมูลการเอาของใส่ตระกร้า — อาจจะมีคนที่สนใจซื้อของคุณจริงๆ แต่ได้ถึงแค่ใส่ตระกร้าแต่ไม่ได้ซื้อ ลองสมมุติดูนะครับว่า 1 ใน 5 ซื้อของๆคุณ คุณก็ได้ข้อมูลมากกว่าที่คุณเก็บจาก “การซื้อ” ถึง 5 เท่าเลยครับ
- คนเข้าเว็บเพจ — อันนี้ผมแนะนำให้คุณเน้นเว็บเพจที่เจาะจงจริงๆนะครับไม่ใช่ว่าทำ Lookalike Audience จากหน้า Homepage อันนี้ไม่โอเคครับ ให้เลือกจากหน้าสินค้าหรือไม่ก็หน้า “Contact” หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ได้เข้าถึงง่ายๆครับ แล้วก็ควรที่จะตั้งค่าด้วยครับว่าจะเจาะจงแค่คนที่อยู่ในเว็บอย่างน้อย … วินาทีก็ว่าไป เพราะว่าเราไม่อยากได้คนที่เข้ามาแล้วออกเลยครับ
ตาคุณเอาไปลองแล้ว
Lookalike Audience มีความสำคัญมากครับ ผมเลยอยากจะให้คุณกลับเอาไปลองคิดและดูใน Ad Manager ของคุณว่าคุณมีข้อมูลสำหรับการสร้าง Lookalike Audience พอหรือเปล่า
ถ้าเกิดว่าพอแล้ว ผมแนะนำให้ลองสร้างและรันโฆษณาดูครับ ลองใช้เงินกับมันสัก 200–300 บาทครับ ดูว่าการตอบรับเป็นยังไง (ควรจะโฆษณาในรูปแบบ Engagement นะครับ) เราต้องการที่จะทดลองดูว่ากลุ่มเป้าหมายมีการตอบรับกับโฆษณาของเรายังไง
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- (เนื้อหาปี 2022) วิธีทำโฆษณา Facebook วันละ 99 บาท แต่ได้ผลจริง (เหมาะสำหรับคนเริ่มใหม่)
- วิธีทำโฆษณา Instagram & สร้างกลุ่มเป้าหมายขั้นสูง (เนื้อหา 2022 อัพเดท)
- วิธีทำ SEO ให้ขึ้นหน้า 1 ของ Google ขั้นเทพ (สำหรับมือใหม่)
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
ถ้ามีคำถามอะไร ถามผมได้ตลอดเลยนะครับ อาจจะมีบางจุดที่ผมไม่ได้พูดถึงหรือข้ามไป
สำหรับโพสนี้ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
ขอให้โชคดีนะรวยขึ้นเรื่อยๆค๊าบบ!
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment