Google Penalty: โดน Google ปรับอันดับลง จะต้องแก้ยังไง (ฉบับเต็ม)

ผมมั่นใจนะครับว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนที่เคยทำเว็บไซต์ที่เคยติดอันดับดีๆ หน้า Google จะต้องเคยเจอเหมือนๆ กันกับผมครับ นั่นก็คือการโดน penalized หรือ การลดอันดับครับ บางคนจากอันดับดีๆ เช่น 1 – 2 – 3 ลงไปอยู่โน้น ครับ 100+ เลย
จากคนที่เคยมีคนเข้าเว็บเยอะๆ คนเห็นเว็บเยอะๆ อยู่หายไปเยอะเลย มันเจ็บจริงๆ นะครับ (ผมก็เคยโดนครับ ฮ่าๆ)
ผมจำได้เลยว่าตอนนั้นประมาณปี 2011 ผมเคยทำเว็บอยู่เว็บหนึ่ง ซื้อลิ้งค์มามั่วๆ ไม่รู้ว่าทำ SEO ยังไง ติดหน้า 1 อยู่สักพักใหญ่ๆ อยู่ๆ ก็หายไปเฉยเลย แต่ต้องยอมรับนะครับว่าเมื่อก่อน มันติดหน้าแรกง่ายมากๆ ครับ ซื้อลิ้งค์มั่วๆ จาก Fiverr (คล้ายๆ กับ Fastwork บ้านเรา แต่เขามีมาก่อน) แล้วมันก็ขึ้นของมันเองแบบงงๆ
ผมยังจำได้เลยครับว่าวันนั้นที่โดน ผมโดน update ที่ชื่อว่า Google’s Penguin Update ชื่อน่ารักใช่ไหมล่ะครับ ตอนนั้นถือว่าผมเอาเท้าก่ายหน้าผากกันเลยดีเดียว
บทความนี้มีอะไรบ้าง
Google Penalty มีอยู่กี่แบบ แบบไหนโหดกว่ากัน?
เรามาดูกันครับว่า จริงๆ แล้ว Google เขามีการลดอันดับอยู่กี่แบบครับ เพราะว่าแต่ละตัวมันก็มีความโหดไม่เหมือนกันครับ
Algorithmic Penalty โดนแบบอัตโนมัติ
นี้จะเป็นการที่เราโดนลดอันดับอัตโนมัติจาก Google ตอนที่เขาอัพเดท algorithm ของเขาเลยครับ เช่น ถ้าเขาออกอัพเดทที่ไม่อยากให้คนทำ …… ถ้าเว็บของเพื่อนๆ เข้าพวกนี้ ก็จะโดนไปเลยครับ
Manual Penalty ทีมงานกูเกิ้ลเข้ามาดูเว็บ
ถ้า Google เขามีคน report มาว่าเว็บของเราอาจจะมีการพยายามโกงระบบ เขาก็อาจจะเข้ามาดูเว็บเราว่าหลังบ้านของเราเป็นยังไงครับ ถ้าเขาจับได้ว่าเราทำผิดจริงๆ เขาก็จะลดระดับเราครับ
เอาจริงๆ ทั้ง 2 แบบนี้ เท่าที่เจอมา ผมว่าตัว algorithm penality หรือโดนแบบอัตโนมัตินี้ มันโหดกว่านะครับ เพราะว่าถ้าเป็น manual penalty เขาจะบอกเราว่าเราทำอะไรผิดใน Google Search Console ครับ แต่ถ้าเป็นการโดนปรับอันดับอัตโนมัติ เขาจะไม่บอกอะไรเลยครับ เราต้องไปไล่หาอ่านเองครับ
การลดอันดับมีอยู่กี่แบบ แล้วเราโดนแบบไหน?
ผมคิดว่าถ้าเรารู้ว่าเราโดนอะไร เราจะมีโอกาสที่จะหาวิธีแก้ไขได้ง่ายขึ้นครับ เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ เรามาดูกันครับ ว่าการโดนลดอันดับ มันมีแบบไหนบ้าง ต้องรู้ว่าแต่ละอย่างมันมีความรุนแรงไม่เหมือนกันนะครับ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราโดนลดอันดับ ว่าเราไปทำอะไรมา
โดนลดอันดับ แค่คีเวิร์ดบางตัว
ตัวนี้ไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ครับ อาจจะผิดแค่เล็กๆ น้อยๆ เพราะฉะนั้นตัวนี้จะแก้ง่ายที่สุดครับ
โดนทีเดียวทั้งเว็บเลย
เท่าที่ผมเคยช่วยลูกค้าและเคยทำมา ถ้าโดนทีเดียวทั้งเว็บ แสดงว่าต้องทำผิดค่อนข้างร้ายแรงครับ อันนี้ต้องเข้าไปอ่าน updates ของเขาครับ ว่าเขาเน้นอะไร เช่น ถ้าเขาอยากให้เว็บของเรา อ่านง่าย บนมือถือ แต่เว็บเรายังทำไม่ได้ ก็อาจจะโดนตัวนี้ได้ครับ
โดนเอาเว็บออกจากผลค้นหา Google เลย
อันนี้แย่ที่สุดครับ เพื่อนๆ คงจะเดาออก ผมคิดว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่น่าจะไม่โดนตัวนี้ครับ แต่ส่วนใหญ่ที่โดน จะเป็นเว็บที่ซื้อ backlink แบบโคตรที่จะ blackhat เลยครับ แบบโกงระบบสุดๆ
การโดนลดอันดับจาก Google Penalty อยู่นานไหม?
ผมอยากจะบอกก่อนเลยว่า ส่วนใหญ่การที่เราจะแก้ได้ แล้วได้อันดับเรากลับคืนมา มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ครับ ข้อมูลจาก seroundtable เขาได้ทดสอบมาในปี 2013 ว่า หลังจากโดนลดอันดับแล้ว เขาใช้เวลานานไหม กว่าจะได้อันดับของเขาคืนกลับมา
จะเห็นว่าส่วนใหญ่เลย 53% เขาจะไม่ได้อันดับเขากลับคืนมาครับ แต่ถ้าได้ ก็จะได้ภายในไม่เกิน 1 ปีครับ ถ้าเกินกว่านี้ ค่อนข้างจะหมดหวังเลยก็ว่าได้ครับ
แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่อยากจะทิ้งความหวังที่จะสามารถเอาอันดับตัวเองกลับคืนมา เรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่าครับ เพราะผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดที่จะช่วยเพื่อนๆ เอาอันดับกลับมาให้ได้ครับ
วิธีดูว่าเว็บเราโดนลดอันดับจากการ Penalized หรือเปล่า
เข้าไปดูใน webmaster tool ว่าโดน manual review ไหม
เช็คจาก rank tracker ดูว่ามีคีเวิร์ดอะไรที่โดนไปบ้างแล้ว
6 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คุณโดน Google Penalty
ผมมั่นใจนะครับ ว่าคนส่วนใหญ่คงไม่อยากให้เว็บตัวเองโดนหรอกครับ แต่ถ้ามันโดนไปแล้ว จะทำยังไงได้ใช่ไหมครับ? เพราะว่าเราเองไม่ได้เป็นคนกำหนดว่าอยากจะให้เว็บเราอยู่หน้าไหน อันดับไหน เขาเป็นคนตั้งกฎและเราเองต้องทำตาม
ผมลองนั่งคิดนอนคิดดูว่า ที่เห็นคนโดนลดอันดับบ่อยๆ ปกติเขาโดนจากเหตุผลอะไรกันครับ
เหตุผลที่ 1: พยายามโกงระบบ ด้วยการใช้ backlinks ไม่มีคุณภาพ
ตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่ผมเคยโดนตอนปี 2011 กับ Penguin Update เลยครับ เพราะว่าผมซื้อลิ้งค์ที่มันไม่มีคุณภาพเอามากๆ ครับ เว็บไหน แบบไหนเอาหมดครับ ขอให้ได้ backlinks จากเขา แบบว่าถ้ายิ่งมี backlinks เยอะแค่ไหนเข้ามาหาเว็บเรา มันยิ่งจะทำให้ Google เห็นว่าเว็บเรามีคุณภาพ
แต่ผ่านไปสักพัก Google เขาก็รู้ว่าจะดักยังไง เขาก็อัพเดทระบบขึ้นมา แล้วคนที่ใช้พวก backlinks พวกนี้ (เรียกว่า spam backlinks) เลยโดนไปพร้อมๆ กันหมดครับ (รวมทั้งผมด้วยในตอนนั้น)
วิธีที่แก้ปัญหา Disavow links
ตรงนี้มันค่อนข้างจะยากนิดหนึ่งครับ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อันดับแรก เราต้องรู้ก่อนว่า backlink profile ของเราเป็นยังไง แล้วเรามีเว็บไหนบ้างที่ link มาหาเรา แล้วเราก็เข้าไปทำการ disavow links ครับ มันคือการที่บอก Google ว่า นี้ไม่ใช่ลิ้งค์ที่เราอยากจะให้มาที่เว็บเรานะ (เผื่อมีคนแกล้ง ส่งลิ้งค์แปลกๆ มาหาเรา ทำให้เราโดน)
เพื่อนๆ เข้าไปที่ Google Search Console เหมือนเดิมครับ เพื่อนๆ จะเห็นหน้านี้ตอนนี้เข้าไปแล้ว
เพื่อนๆ ก็เข้าไปเลือกเว็บตรงนี้ครับ บอกให้เขารู้ว่าเราต้องการที่จะเลือกเว็บไหนที่เราอยากจะทำการ disavow links ครับ
หลังจากนั้นก็ทำได้อย่างเดียวคือต้องรอให้เป็นครับ รอจนกว่า Google เขาจะทำการเช็ค แล้วถ้าโชคดี เขาก็จะปรับลิ้งค์พวกนี้ออกให้เรา เหมือนมองไม่เห็น พิษร้ายของลิ้งค์พวกนี้ก็จะลดลงไปครับ
เหตุผลที่ 2: บทความไม่มีคุณภาพ ไม่มีประโยชน์ ลอกเขามา
ผมมั่นใจนะครับว่าเพื่อนๆ ต้องเคยเห็นบ่อยๆ แน่เลย เว็บที่เขียนบทความเหมือนขอแค่ได้เขียน เขียนให้กับ Google ดูเฉยๆ ว่า “นี้นะ เว็บเราก็มีคอนเทนที่เป็นบทความนะ”
แต่จริงๆ แล้ว คุณภาพค่อนข้างไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
ผมเห็นหลายๆ เว็บที่เขารับเขียนบทความ เขามี limit อยู่ที่บทความละ 500 คำ ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว Google เขาก็บอกนะครับ ว่าเขาไม่ได้มี limit เรื่องจำนวนคำในบทความ กี่คำเขาก็ติดอันดับให้ได้ “ถ้าคุณภาพดี”
แต่คุณภาพมันจะดีได้ยังไงถ้าบทความนั้นมันยาวแค่ 500 คำ เหมือนถ้าเพื่อนๆ ต้องอธิบายเกี่ยวกับหัวข้ออะไรยากๆ สัก 1 หัวข้อ แต่เพื่อนๆ สามารถใช้คำพูดได้แค่ 10 คำ
เอาจริงๆ มันก็สามารถเข้าใจได้แหละ แต่มันไม่ได้ลงลึก คนอ่านไม่ได้ประโยชน์จากมันโดยแท้จริงครับ เพราะฉะนั้นบทความพวกนี้ จะไม่ค่อยได้รับการยอมรับจาก Google เท่าไหร่
วิธีการแก้ปัญหา: เข้าไปเอาบทความพวกนี้ออก/ทำเป็น draft แทน
ถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่มีบทความประมาณนี้อยู่บทเว็บ อย่างแรกเลยที่ต้องทำคือเราไปเอาบทความพวกนี้ออกก่อนครับ เพราะว่าบทความพวกนี้ ยังไงมันก็ไม่ได้ traffic หรือคนเข้ามาอยู่แล้ว
ปล่อยเอาไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากที่จะลบมัน ก็สามารถเปลี่ยนสถานะมันกลายเป็น draft แทนได้ครับ
แค่นี้มันก็บอก Google แล้วครับว่าอย่ามา index นะ ตอนนี้เป็น draft แล้ว
เหตุผลที่ 3: Keyword Stuffing ใช้คีเวิร์ดซ้ำๆ เกินไป
การใช้ keyword stuffing คือการที่ใช้คำเดิมๆ ซ้ำๆ เรื่อยๆ ครับ จุดประสงค์เดียวเลยคืออยากจะให้ Google เขาเห็นบทความของเรา แต่มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อผู้อ่านเลยครับ
อีกอย่างหนึ่ง ผมมองว่า Google อาจจะมองว่ามันคล้ายๆ กับการโกงระบบด้วยนะครับ เพราะว่าเราพยายามทำอะไรเพื่อทำให้ AI เขาเห็น ไม่ได้กะจะเขียนบทความนั้นขึ้นมาให้มีประโยชน์
เพราะฉะนั้นบทความแบบนี้ Google เขาไม่ชอบเอามากๆ ครับ
แล้วพวก AI ที่ช่วยเขียนบทความ พวกนี้ก็น่ากลัวนะครับ เพราะว่าเขาจะ set มาตายตัวเลยว่าคำที่เขาใช้อะไรยังไง จะประมาณไหน ทำยังไงให้ Google เห็นว่าเป็น content ที่มีประโยชน์
ผมเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องออก update มาจับ content ที่เขียนด้วย AI อยู่ดีครับ
วิธีแก้ปัญหา: เข้าไปแก้ไขบทความตัวเอง
ตอบตามตรง กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ผมไม่ชอบทำเลย นั่นก็คือกลับไปที่บทความเก่าๆ แล้วไปแก้ไขคำที่มันซ้ำๆ กัน
ปกติถ้าเป็นภาษาอังกฤษ เราสามารถใช้อุปกรณ์พวกนี้ ที่ช่วยดูคำซ้ำของเราได้ครับ แต่ถ้าเป็นภาษาไทย เราอาจจะยังต้องมาค่อยๆ แก้ทีละตัว ปวดตากันเลยทีเดียว
เหตุผลที่ 4: เว็บโดน Hack เป็นอันตรายกับคนเข้ามาดูเว็บ
หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนะครับว่าเว็บตัวเองถูกแฮ็ก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นผมกำลังเริ่มทำการตลาดออนไลน์ใหม่ๆ ไม่ค่อยมีความรู้เลย
ประกอบกับตอนนั้นพวก internet security หรือความปลอดภัยออนไลน์มันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เว็บของผมโดนแฮ็กบ่อยมาก
มันมักจะแฮ็กแล้วก็ขึ้นหน้าเว็บบอกให้เราไปจ่ายตังมัน มันถึงจะคืน files เว็บเราให้ แต่ไม่มีอะไรมากครับ แค่ให้ host ของเราไปเอา backup ของ files เรากลับมา แล้วก็เปลี่ยน password ก็ได้แล้วครับ
แต่อย่าลืมนะครับ ว่าอะไรพวกนี้ มันค่อนข้างจะสำคัญกับ Google มากครับ เพราะเขาน่าจะมองว่าถ้าเว็บเราไม่มีความปลอดภัย มันโดนแฮ็กง่าย งั้นคนเข้ามาดูเว็บเราล่ะ จริงไหมครับ? เขาก็น่าจะโดนเหมือนกัน
ตัดปัญหาไปเลย เขาก็ลดอันดับเรา
วิธีแก้ปัญหาทำให้เว็บปลอดภัยขึ้น
ใช้ password รัดกุมหน่อย ใช้เว็บสร้าง password ให้
ตัวนี้สำคัญมากครับ เพราะว่าถูกมองถ้าม เพราะ password ส่วนใหญ่มันไม่ได้มีอะไรมาก แต่ผมแนะนำให้เราพยายามอย่าจำ password ครับ ให้เราใช้เว็บสร้าง password ให้ครับ
เพราะว่าการจำ password มันทำให้เราใช้ password เดิมๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ มันทำให้ ถ้าเราโดนแฮ็กได้ เราจะโดนบัญชีอื่นด้วย เช่น ถ้า gmail โดน Facebook เราก็อาจจะโดนด้วย เพราะใช้รหัสเดียวกัน
ใช้ SSL ให้กับ domain เช็คด้วยว่าลงถูกไหม
ปกติตอนนี้ผมเห็นว่าไม่ว่าจะ host ไหน เขาก็ให้ SSL ฟรีอยู่ละ แต่เมื่อก่อน ผมจำได้ว่าถ้าอยากจะได้ SSL เราต้องไปเช่าเอาครับ
มันจะมีราคาตั้งแต่ $29 ไปจนถึงราคาสูงๆ แบบ $199 ต่อปีไปเลยครับ เพื่อนๆ ที่มี SSL แล้ว ก็พยายามเช็คตลอดนะครับว่ามันลงถูกหรือเปล่า
เพราะผมเองก็โดนบ่อยครับ บางทีลงแล้ว คิดว่ามันน่าจะได้ อ่าวที่ไหนได้ มันไม่ติด
ใช้ Host ดีๆ ที่มีตัวช่วยดัก Malware
Host ตอนนี้หลายๆ แห่งก็พยายามที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บลูกค้า ก็เห็นเขาเริ่มเพิ่มบริการการ scan malware เข้าไปบ้างแล้วนะครับ
ที่ผมเห็นบ่อยๆ เลย ก็จะเป็น scan ของ Imunify ครับ หลาย Host ใช้กันเยอะเหมือนกัน ตัวผมเองก็ใช้อยู่ครับ ตั้งแต่ใช้มา ก็ยังไม่เห็นว่ามีปัญหานะครับ
ถือว่าโอเคเลยครับ แต่ยังไงก็ต้องรอดูกันยาวๆ ไปก่อนครับ
เหตุผลที่ 5: ปล่อยให้มี spam comment ทำให้คุณภาพเว็บลดลง
จริงๆ ตัวผมเองเจอเยอะมากครับในแต่ละวัน พวก spam comments พวกนี้ ถ้าดูผิวเผินแล้ว มันอาจจะไม่ได้มีอะไรนะครับ เพราะมันก็แค่ comment ใช่ไหมครับ?
ผมโดนอาทิตย์หนึ่งก็หลายพันคอมเม้นเลยครับ พวก bot พวกนี้เขาจะไล่คอมเม้นตามเว็บไปเรื่อยๆ แล้วปล่อยลิ้งค์เอาไว้ครับ
เพื่อนๆ ถ้าดูแล้ว จะเห็นว่ามันฝากลิ้งค์เอาไว้ด้วย เอาจริงๆ พวกนี้มันก็คือการทำ spam backlinks แหละครับ อยากให้ได้จำนวนลิ้งค์ให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่สนหรอกว่าคุณภาพจะเป็นยังไง
ดังนั้นผมเลยอยากจะให้เพื่อนๆ ระวังเอาไว้นิดหนึ่งนะครับ เพราะถ้าไม่ได้รีบจัดการปัญหานี้ ปล่อยให้มันทิ้งค์คอมเมนท์หน้าเว็บเราเรื่อยๆ เราจะเป็นคนซวยเอง
วิธีการแก้ปัญหา: ติดตั้ง Plugin ช่วย (ฟรี)
เพื่อนๆ สามารถใช้ plugin ทั่วไปช่วยได้เลยนะครับ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนซื้อ theme มาใช้ ปกติเขาจะมี plugin พวกนี้แถมมาให้เราอยู่แล้วครับ
แต่ถ้าใครยังไม่มี ผมว่าตัวนี้ค่อนข้างดีเลยครับ
สามารถติดตั้งบนเว็บของเราแล้วเอาไปใช้ได้เลยนะครับ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องการเขียนโค้ดอะไร (ความรู้คือประมาณ 5% ได้) เพราะฉะนั้นผมว่ามี plugin พวกนี้เข้ามาช่วย จะดีมากๆ เลยครับ
เหตุผลที่ 6: เว็บไม่รองรับการดูบนมือถือ (Mobile Friendly)
ผมจำได้ว่าคนส่วนใหญ่เริ่มที่จะมาใช้มือถือเหมือนเป็นคอมก็ตั้งหลายปีมาแล้ว ยิ่งช่วงหลังๆ มือถือยิ่งทำได้มากกว่าเดิม รองรับการทำอะไรมากกว่าเดิม
ก็ไม่แปลกใจนะครับที่มือถือจะ ผลสำรวจตอนนี้มากกว่า 61% ของคนที่ค้นหาข้อมูลใน Google เขาใช้โทรศัพท์มือถือหรือ tablets กันครับ
จะเห็นได้ว่ามันเป็น trend ขาขึ้นมาตั้งหลายปีแล้วครับ เพราะผมคิดว่ายิ่งเป็นคนอายุน้อย ยิ่งเห็นว่าเขาใช้คอมลดน้อยลงเยอะมากๆ ครับ
นอกจากจะเป็นงานจริงจัง อันนี้ผมยังเห็นเขาใช้คอมกันอยู่ แต่โดนทั่วไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมก็เห็นเขาใช้แต่โทรศัพท์หรือไม่ก็ tablet กันครับ เพราะเอาจริงๆ แล้ว มันใช้ง่ายกว่าเยอะเลยนะครับ
วิธีแก้ปัญหา: ตรวจดูเว็บตัวเองว่าเป็น mobile friendly จริงไหม
อันดับแรกเลย ต้องรู้ก่อนครับว่าเว็บของเรารองรับมือถือจริงๆ หรือเปล่า อันดับแรกเลย เข้าไปที่ Google Search Console ได้เลยครับ
เขาก็จะมีให้ใส่ link ของเว็บเราเข้าไป เราก็กรอกปกติเลยครับ รอให้ Google เช็คสักครู่ แล้วมันก็จะขึ้นผลลัพท์มาให้เราดูแบบนี้ครับ
อันนี้คือเราทดสอบสำหรับ Google เฉยๆ นะครับ ว่าในสายตาของ Google เขามองว่าเว็บเราเป็น mobile friendly หรือเปล่า
ในบทความนี้ เราพูดถึงการโดนลดอันดับ เพราะฉะนั้นผมจะเน้นในเรื่องของมุมมอง Google เยอะนิดหนึ่งนะครับ
วิธีทำให้ไม่โดน penalized ได้อีกจาก Google
การที่จะไม่โดน penalized อีกนั้น ผมว่าจริงๆ แล้วมันก็ทำไม่ยากนะครับ เพราะปกติกว่า Google เขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ๆ จริงๆ เขาจะบอกเป็นสัญญาณก่อนคร่าวๆ หลายเดือนครับ
อย่างเช่น กว่าเขาจะมาลดอันดับเว็บที่โหลดไม่เร็ว ไม่ mobile friendly เขาบอกเป็นสัญญาณมาหลายปีมากครับ น่าจะมากกว่า 3 ปี ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้ทำอะไรที่มัน spam หรือพยายามหลอก AI เขาเพื่อให้ติดอันดับ (พวกนี้เรียกว่า blackhat techniques ครับ) ปลอดภัยแน่ครับ ไม่ต้องห่วง
ส่วนตัวผม จะติดตาม 1 ช่องยูทูปหลักๆ และ 3 เว็บรองครับ
- https://www.youtube.com/c/IncomeSchool
- https://www.searchenginejournal.com
- https://searchengineland.com
- https://moz.com
เพราะว่าเขาจะรีบมาอัพเดทเราก่อนอยู่แล้วครับ ตอนที่เขารู้ข่าวว่าจะมี Google Update ขึ้นมา เขาเร็วกันมากๆ ครับ และก็จะมีข้อมูลเพิ่มเติมอธิบายให้เราด้วย
เหตุผลที่ผมไม่ไปติดตามเว็บ Google โดยตรงนั้น เพราะว่าเขาทำข้อมูลมาดูยากนิดหนึ่งครับ มันต้องไล่หา ผมเลยติดตามเว็บและช่องนี้เอา ไม่พลาดข้อมูลแน่นอนครับ
ตาเพื่อนๆ เอาไปลองกับเว็บไซต์ตัวเองแล้ว
เราคุยกันมาจนถึงตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าเพื่อนๆ น่าจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ ไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะผมเองก็เห็นใจคนที่ถูกลดอันดับทุกคนครับ
เพราะตัวผมเองก็เคยโดนเหมือนกัน ขนาดตอนนี้ ZOZAV ยังโดนอยู่เลยครับ มันจะมี keywords บางตัวที่มันดันไปโดน แต่ไม่เป็นไร ผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎอะไร น่าจะชิวๆ ครับ
หวังว่าเว็บไซต์ของเพื่อนๆ จะไม่เป็นไรนะครับ ถ้ามีคำถามหรือความรู้ที่ผมไม่ได้เขียนไว้ในบทความนี้ เพื่อนๆ สามารถแชร์กับผมได้ในคอมเม้นหรือในแฟนเพจได้เลยนะครับ
สำหรับวันนี้ ขอให้แก้ปัญหาได้และขายของเฮงๆ ครับ
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Leave a Comment