Facebook Lead Ads เก็บข้อมูลลูกค้า (ไม่ต้องพึ่งเว็บ)

สำหรับคนที่ทำงานเกี่ยวกับอะไรที่ต้องเก็บชื่อและข้อมูลลูกค้าเยอะๆ ผมมั่นใจครับว่าโฆษณาแบบ Facebook lead ตอบโจทย์คุณได้ตรงเป๊ะแน่นอน
เพราะว่าในโฆษณา Facebook lead คุณสามารถเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายของคุณได้โดยที่เขาไม่ต้องออกจากเว็บ Facebook ครับ
พูดง่ายๆเลยก็คือเขาสามารถคลิกโฆษณาของคุณแล้วก็ใส่ข้อมูลให้คุณติดต่อกลับได้เลยครับ
เราก็รู้ๆกันอยู่นะครับว่าตอนนี้ในโลกของการตลาดและโฆษณาไม่มีอะไรที่เทียบกับ Facebook ได้เลยในเรื่องของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยครับ ไม่ว่าจะเป็น Adwords, Youtube หรือแม้แต่ TV
เฟสบุ๊คยังเป็นเว็บอันดับ 1 ที่คนไทยเข้าเยอะที่สุดอยู่ครับ

ไม่ใช่ว่าโฆษณาแบบอื่นไม่ดีพอนะครับ แต่ในประเทศไทย ยังไง Facebook ก็ยังเป็นที่ๆ ธุรกิจหลายๆธุรกิจต้องให้ความสนใจครับ
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องวันนี้ เราจะมาดูกันก่อนนะครับว่าคุณจะเรียนรู้อะไรจากบทความนี้บ้างครับ
สิ่งที่คุณจะได้จากบทความนี้
- เข้าใจว่าโฆษณา Facebook lead เป็นยังไง
- เข้าใจกลไกลของโฆษณา Facebook lead
- วิธีสร้างโฆษณา Facebook lead
- เทคนิคการใช้โฆษณา Facebook lead
ในเมื่อเราเข้าใจกันแล้ววันนี้คุณสามารถจะได้อะไรจากบทความนี้ เรามาเริ่มกันที่ข้อแรกนั้นก็คือโฆษณาแบบ Facebook lead เป็นยังไงกันครับ
ก่อนที่คุณจะสามารถใช้โฆษณาแบบ Facebook lead ผมแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้ก่อนนะครับ คุณจะได้สร้างโฆษณาอย่างมืออาชีพได้ครับ: วิธีทำโฆษณา Facebook วันละ 99 บาท แต่ได้ผลจริง (เหมาะสำหรับคนเริ่มใหม่)
บทความนี้มีอะไรบ้าง
โฆษณา Facebook Lead คืออะไร
Facebook ออกโฆษณารูปแบบนี้มาเพื่อช่วยให้คุณเก็บชื่อและข้อมูลของลูกค้าเร็วขึ้นครับ แค่ลูกค้ากด “ตกลง” ที่จะให้ข้อมูลให้คุณ ลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งกรอกฟอร์มให้มันเสียเวลาครับ
ข้อดีของมันก็คือ ผมคิดว่าบริษัท Facebook ได้เห็นว่าคนเล่น Facebook ส่วนใหญ่ไม่ได้อยากจะออกจากเว็บไปไหนครับ และตรงนี้มันแย่ต่อคนที่ทำโฆษณาใน Facebook ครับ เขาเลยต้องสร้างอะไรที่สามารถช่วยคนทำโฆษณาให้ได้ lead เพิ่ม โดยการที่ไม่ต้องออกจากเว็บ Facebook ครับ
การโฆษณาแบบ Facebook lead ก็เลยเกิดขึ้นครับผม
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ตอนที่คุณเห็นโฆษณา แล้วคุณเกิดอยากจะกดเข้าไปดู จะมีฟอร์มขึ้นมาให้คุณกรอกแล้วสามารถส่งไปให้กับบริษัทที่โฆษณาได้เลย
ในทางของธุรกิจ ในฐานะที่คุณเป็นคนโฆษณา คุณสามารถเก็บข้อมูลกลุ่มลูกค้าได้หลายอย่างและหลายรูปแบบมากครับ เช่น
- การทำงาน
- การศึกษา
- และอะไรเกือบทุกอย่างเกี่ยวกับลูกค้าครับ
อย่างที่ผมบอกครับว่าถ้าคุณทำธุรกิจที่ต้องเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายก่อน โฆษณาแบบ Facebook lead จะช่วยคุณได้เยอะมากครับ
โฆษณาแบบ Facebook lead เหมาะกับธุรกิจอะไรบ้าง
จริงๆ โฆษณาแบบนี้ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะได้ผลกับทุกๆ ธุรกิจครับ จะมีอยู่แค่ไม่กี่ธุรกิจที่จะได้ผลกับมันจริงๆครับ ผมลิสท์มาให้ครับว่ามีธุรกิจอะไรบ้าง
- บริษัทอสังหาริมทรัพย์
- บริษัทขายรถยนต์
- บริษัทประกันสุขภาพ
- บริษัทประกันรถยนต์
- บริษัทที่ทำธุรกิจให้กับ B2B
- + อีกเยอะครับ
ผมเอาข้อมูลนี้มาจาก Facebook อีกทีครับ เขาบอกว่าธุรกิจอะไรที่ได้ผลกับโฆษณาแบบ Facebook lead มากที่สุดครับ

Facebook บอกว่าคุณสามารถใช้เก็บข้อมูล email ของกลุ่มเป้าหมาย, ธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษาและการเงินสามารถเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้เลย, ร้านค้าออนไลน์สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าและส่งคูปองให้ได้, เต้นหรือโชว์รูมขายรถยนต์สามารถเก็บข้อมูลของคนที่สนใจเพื่อที่จะนัดดูรถได้ครับ
พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ ว่าโฆษณาแบบ Facebook lead เขาได้กันยังไงและเพื่ออะไร
เรามาดูวิธีทำการเลยดีกว่าครับ
วิธีสร้างโฆษณาแบบ Facebook lead (ง่ายๆ Step-by-step)
ผมมั่นใจครับว่าหลายๆคนยังไม่ค่อยคุ้นกับการใช้โฆษณาแบบ Facebook leads เท่าไหร่ เพราะมันกำลังออกมาไม่นาน ดังนั้นเรามาดูกันเลยครับว่าใช้ยังไง ผมจะสอนทำแบบง่ายๆครับ
อยากให้เห็นผ่านๆตาครับ เพราะถ้าตอนไปทำเอง จะได้ทำเป็นครับ
ขั้นตอนที่ #1: เข้าไปในบัญชี Facebook ของคุณครับ หรือไม่คุณก็สามารถเข้าไปใน Power Editor ได้เลยครับ สำหรับในบทความนี้ เรามาดูกันที่หน้าเพจของผมนะครับ
เมื่อเข้ามาในเพจแล้ว ก็คลิกตรงนี้เลยครับ
ขั้นตอนที่ #2: แล้วจะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้ครับ เลือก “lead generation” ครับ แล้วจากนั้นก็เลื่อนลงไปข้างล่างหน่อยเพื่อตั้งชื่อ campaign โฆษณาของคุณให้เรียบร้อยครับ
การตั้งชื่อโฆษณาให้ดีมันจะดีต่อคุณในภายหลังครับ เพราะว่าถ้าคุณเริ่มมีโฆษณาหลายตัวแล้ว คุณจะงงครับ ต้องมาเปิดดูทีละตัว ตั้งชื่อให้ดีไปเลยทีเดียวครับ
ขั้นตอน #3: ก่อนอื่นต้องกดเข้าไปตรงนี้ก่อน แล้วเข้าไปกดรับทราบว่าเข้าใจก่อนครับ เพราะว่าการเก็บข้อมูลเป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะเสี่ยงสำหรับ Facebook เขาก็เลยอยากจะบอกให้เรารู้ก่อนว่า ให้คุณปรึกษาทนายของคุณก่อน และคุณไม่สามารถเก็บข้อมูลคนที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ได้ครับ
จริงๆแล้ว Facebook แค่ไม่อยากจะโดนฟ้องครับ เพราะบางทีเด็กอายุน้อยๆ อาจจะกดใส่ข้อมูลอะไรที่ไม่ควรจะใส่ เช่น รหัสบัญชีธนาคารหรืออะไรแบบนี้เป็นต้นครับ
คุณเลยต้องเข้าไปตอบรับก่อนครับ ไม่งั้นไม่สามารถใช้โฆษณาแบบ Facebook Lead ได้ครับ
ขั้นตอนที่ #4: หลังจากนั้นก็ใส่ข้อมูลเจาะจงกลุ่มลูกค้าของคุณให้เรียบร้อยครับ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าใส่อะไรดี ของเข้าไปอ่านโพสต์นี้ที่ผมเขียนดูครับ เผื่อจะได้ไอเดียอะไรเด็ดๆมาใช้ครับผม: โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
ผมมีบทความอีกตัวที่ผมแนะนำอยากจะให้คุณลองเข้าไปอ่านดูครับ นั้นก็คือการใช้ Audience insights ให้มันถูกต้องครับ เพื่อคุณจะสามารถสร้างโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
กดเข้ามาในลิ้งนี้ได้เลยครับ: อย่าเพิ่งสร้างโฆษณาเฟสบุ๊ค ถ้ายังไม่รู้ว่า Audience insights ใช้ยังไง!
ขั้นตอนที่ #5: หน้าต่อมา คุณจะต้องปรับว่าคุณอยากจะให้โฆษณาคุณหน้าตาเป็นยังไง ใส่ข้อมูลของโฆษณาของคุณให้เรียบร้อยครับ
ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าต้องเขียนโฆษณายังไง คุณควรจะอ่านบทความนี้ก่อนครับ
- 5 เทคนิคการเขียน “หัวข้อโฆษณา” ให้รวยเหมือนถูกหวย (+ พร้อมผลทดลอง)
- คนทำโฆษณาฟังทางนี้! 5 เทคนิคดีๆ (ที่คุณอาจจะไม่รู้)
- 14 กลยุทธ์โฆษณา Facebook ช่วยให้ยอดขายทล่มทลาย (พลาดไม่ได้)
หลังจากคุณใส่ข้อความโฆษณาของคุณไปเรียบร้อยแล้ว เรามาดูกันอีกตัวหนึ่งที่สำคัญมากๆในโฆษณานี้ครับ นั้นก็คือฟอร์มที่คุณจะให้กลุ่มเป้าหมายของคุณกรอกครับ
ขั้นตอนที่ #6: ตอนคุณเข้ามาในหน้านี้ คุณจะเห็นคำว่า “เพิ่มฟอร์ม” หรือถ้าคุณตั้ง Facebook ของคุณให้เป็นภาษาอังกฤษ มันก็จะเป็นเหมือนผมครับ นั้นก็คือ ” New Form”
คลิกเข้าไปเพื่อที่จะสร้างฟอร์มเลยครับ
ขั้นตอนที่ #7: หลังจากนั้นคุณก็จะเห็นหน้าเพจนี้ครับ จากนั้นก็ใส่รายละเอียดแบบฟอร์มของคุณให้เรียบร้อยครับ
จำไว้นะครับว่าหน้านี้เป็นหน้าที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้นใช้เวลากับมันหน่อยนะครับ พยายามเขียนฟอร์มให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจง่ายๆ ว่าคุณต้องการอะไรจากเขาครับ
หลังจากนั้นก็กด “submit” แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีอะไรมาก อย่างที่ผมเคยบอกว่า Facebook เขาหากินทางด้านโฆษณาโดยเฉพาะ เขาคงไม่ทำให้คนเข้าใจยากขนาดนั้นหรอก จริงไหมครับ?
เทคนิคการใช้โฆษณาแบบ Facebook Lead ให้ได้ผลที่สุด
ผมเคยบอกหลายรอบครับว่าการที่ทำโฆษณาหรือการตลาดทั่วไป ถ้าไม่มีกลยุทธ์และแผนที่ดีคุณทำไปจะเสียเวลาและเสียเงินเปล่าๆ ครับ
เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะมาพูดถึงเทคนิคเพื่อช่วยให้คุณทำโฆษณาแบบ Facebook Lead ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันเลยดีกว่าครับ
เทคนิคที่ #1: Lookalike audience ได้ผลดีกับ Facebook leads
เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่า Lookalike audience ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คุ้นเคยกับธุรกิจของคุณส่วนหนึ่งแล้วครับ
เพราะฉะนั้นการที่คุณสร้าง Lookalike audience เพื่อมาทำโฆษณาแบบ Facebook leads จะได้ผลมากกว่าโฆษณาแบบทั่วไปครับ

ก่อนที่คุณจะทำโฆษณาแบบ Lookalike audience ให้กับโฆษณา Facebook lead ของคุณ ผมแนะนำให้ดู 2 ตัวนี้ก่อนครับ
- ใช้ฐานข้อมูลอื่นร่วมด้วย – ฐานข้อมูลอื่นในที่นี้ผมหมายถึงฐานข้อมูลที่คุณคิดว่ามันคล้ายกับฐานข้อมูลที่คุณจะใช้สร้าง Lookalike audience ครับ เช่น ถ้าคุณอยากจะสร้างฐานข้อมูลจากคนที่ซื้อสินค้าของคุณอยู่แล้วและคุณเห็นว่าข้อมูลของคุณมีน้อยมาก คุณลองเข้าไปดูว่าฐานข้อมูลของคนที่ “คลิกโฆษณา” ของคุณเป็นยังไง ถ้าคุณเห็นว่าสามารถใช้ด้วยกันได้ คุณก็ใช้เข้าร่วมกับฐานข้อมูลลูกค้าของคุณได้เลยครับ
- ดูว่าฐานข้อมูลใหญ่หรือไม่ – จริงๆแล้ว ฐานข้อมูลยิ่งใหญ่ยิ่งดีครับเพราะว่าเฟสบุ๊คจะสามารถเอาข้อมูลพวกนั้นไปค้นหาและเทียบกับข้อมูลคนใช้เว็บที่เขามีอยู่แล้วแต่มันก็ไม่เสมอไปครับ อย่างที่ผมบอกไปก็คือคุณต้องมั่นใจก่อนว่าข้อมูลของฐานลูกค้าของคุณมาจากคนกลุ่มเดียวกัน ไม่งั้นคุณจะไปเจอคนที่ไม่ใช่สำหรับสินค้าของคุณครับ
เจ้าตัว “Lookalike audience” ถึงแม้มันจะดียังไงมันก็มีข้อผิดพลาดอยู่นะครับ ผมแนะนำให้คุณวัดผลโฆษณาของคุณให้ดีครับและปิดโฆษณาให้เร็วถ้ามันไม่ได้ผลครับ
การสร้าง Lookalike audience จะทำได้อยู่ 5 ทางครับ
- สร้างจากคนที่ตอบรับ (engage) กับโฆษณาหรือโพสของคุณ — เฟสบุ๊คจะไปดูว่าคนที่มีอะไรเหมือนๆกับคนที่ไลค์ คอมเม้น หรือแชร์โพสหรือโฆษณาของคุณเป็นยังไง
- สร้างจาก email list ของคุณ — ถ้าคุณมีฐานลูกค้าอยู่แล้วและมี email address ของเขา คุณสามารถเอามาใส่ใน Facebook เพื่อให้ Facebook สร้าง look alike audience ให้ได้เลยครับ (แต่ฐานลูกค้าต้องใช้ email ที่ให้มาสมัครบัญชีกับ Facebook นะครับ ไม่งั้นคงหาไม่เจอ)
- สร้างจากคนที่เข้าเว็บของคุณจาก Facebook — อย่างผมชอบเจาะจงคนที่เข้าไปอ่านในหน้า … เป็นเวลา …. ครับ เพราะว่าคนที่เข้าแล้วออกเลยคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไป target เขาครับ
- สร้างจากเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าคุณ — ถ้าคุณเป็นร้านค้าและมีเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าอยู่แล้วอันนี้เจ๋งเลยครับ เอาไปใส่ใน Facebook ให้เขาหาคนที่เหมือนๆกับกลุ่มลูกค้าของคุณได้เลยครับ
- สร้างจากคนที่ไลค์เพจของคุณ — ตัวนี้ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับแต่ก็แค่อยากจะบอกว่าทำได้ครับ เพราะว่าคนที่ like เพจของคุณไม่ได้แปลว่าเขาชอบและจะมาเป็นลูกค้าของคุณครับ
ผมแนะนำให้คุณอ่านบทความที่ผมเขียนเกี่ยวกับ Lookalike audience เพิ่มได้ที่นี้นะครับ: Lookalike Audience ตัวที่ทำให้คุณโตจาก 5 หมื่น ถึง 1 ล้าน
เทคนิคที่ #2: เจาะจงมากกว่าความสนใจ
Facebook เขามีฐานข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายของคุณไว้หมดแล้วครับ สิ่งที่คุณทำได้ก็คือต้องเจาะจงให้มากกว่าแค่ “ความสนใจ” ครับ

สิ่งที่คุณจะเจาะจงได้ก็มีดังต่อไปนี้เลยครับ
- การงานอาชีพ
- การศึกษา
- ความสัมพันธ์ในชีวิต
- งานอดิเรก
อะไรเหล่านี้ จะมีผลต่อราคาและคุณภาพโฆษณาของคุณมากครับ เพราะฉะนั้นให้ใส่ใจตรงนี้ด้วยครับ
เทคนิคที่ #3: สร้างโฆษณาที่สีเตะตา
เราต้องจำไว้นะครับว่า ตอนที่เราโฆษณาบน Facebook เนี้ย เราไม่ได้แข่งกับแค่โฆษณาอื่น แต่เราแข่งกับ Youlike, อัพเดทเพื่อนของกลุ่มลูกค้า และอะไรอีกหลายอย่างที่พยายามจะแย่งความสนใจไปจากโฆษณาคุณอยู่
กฎหลักก็คือตอนที่กลุ่มเป้าหมายของคุณเลื่อนๆลงมาใน Feed และเห็นโฆษณาของคุณสัก 2 – 3 วินาที เขาก็อาจจะหยุดดูครับ นั้นแหละครับถึงจะเรียกว่าโฆษณาที่ดีครับ
เราเลยต้องใช้รูปโฆษณาที่มีสีตัดกัน หรือสีฉูดฉาดหน่อยครับ ถึงจะได้ความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ เพราะ Feed ในเฟสบุ๊คจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างจะสูงครับ
pick an image for your facebook ad
เห็นไหมครับว่าบริษัท Nike ใช้รูปที่มีสีฉูดฉาดมากครับ เลื่อนๆผ่านหน้า Feed ต้องหยุดดูแน่นอนครับเพราะว่าสีสันมันน่าดูและข้อความบนโฆษณาก็มีน้อยมากครับ
เรามาดูตัวอย่างต่อไปกันเลยครับ
ตัวอย่างที่ 2:
ผมใช้โฆษณาของบริษัท G2 Crowd เป็นตัวอย่างค่อนข้างจะหลายรอบแล้วครับ ผมคิดว่าเขาทำโฆษณาอันนี้ออกมาได้ดีเลยครับ
เพราะว่าจุดสนใจของโฆษณาและคำบรรยายโฆษณาของเขาอยู่ในรูปเลย ถ้าเห็นแค่แว๊บเดียว คุณก็จะเข้าใจได้ครับว่าโฆษณานี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร
pick an image for your facebook ad
ไหนๆเราก็มาพูดถึงเรื่องสีฉูดฉาดกันไปแล้วนะครับ เรามาดูกันก่อนเลยดีกว่าครับว่าแต่ละสีมันมีความหมายยังไงเพื่อคุณจะสามารถนำไปใช้กับโฆษณาของคุณได้
เรามาดู Infographic ข้างล่างนี้กันเลยครับ
pick an image for your facebook ad
จะเห็นนะครับว่าสีแต่ละสี จะกระตุ้นอารมย์ที่แตกต่างกันออกไปครับ เรามาดูกันครับว่าในแต่ละสีจะมีความหมายอะไรบ้าง (ผมแปลให้ครับ)
สีเหลือง: รู้สึกไปในทางที่ดี, รู้สึกชัดเจน, รู้สึกอบอุ่น
สีส้ม: รู้สึกเป็นมิตร, รู้สึกอารมย์ดี, รู้สึกมีความมั่นใจ
สีแดง: รู้สึกตื่นเต้น, รู้สึกกระปี้กระเป่า, รู้สึกกล้า
สีม่วง: รู้สึกมีความคิดสร้างสัน, รู้สึกเผ้อผัน, รู้สึกมีสติปัญญา
สีน้ำเงิน: ความเชื่อถือ, รู้สึกว่าพึ่งพาได้, แข็งแกร่ง
สีเขียว: รู้สึกสงบ, รู้สึกถึงการพัฒนา, รู้สึกถึงสุขภาพ
สีเถา: รู้สึกถึงความสมดุล, รู้สึกกลางๆ, รู้สึกสงบ
ลองคิดดูนะครับ ว่าอยากจะให้โฆษณาของคุณสื่อถึงอารมย์แบบไหน แล้วเลือกสีนั้นดูครับ และอีกอย่างหนึ่งก็คือผมแนะนำให้ไปทำ A/B testing ด้วยนะครับว่าโฆษณาสีอะไรถึงจะได้ผลดีที่สุด
ผมแนะนำให้คุณอ่านเพิ่มในบทความนี้เลยครับ สำหรับการเลือกรูปโฆษณาครับ: 5 เทคนิคเลือกรูปใส่โฆษณาเฟสบุ๊ค (จะไม่ขาดทุนอีกต่อไป)
เสร็จแล้วครับ!
การโฆษณาแบบ Facebook lead ads ยังออกมาแค่ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นมันยังไม่ดีมากเท่าที่ควรครับ คุณควรจะค่อยๆลองดูไปก่อน อย่าตั้งค่างบประมาณเยอะครับ
ถ้าคุณใช้จนคล่องส่วนหนึ่งแล้ว ผมมั่นใจครับว่า Facebook lead ads มันจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณไปอีกขั้นหนึ่งได้เร็วมากครับ
ผมแนะนำให้คุณลองไปทำดูครับ แล้วมาแชร์ประสบการณ์กันครับว่าผลออกมาเป็นยังไง ถ้ามีคำถามอะไรจัดมาได้เลยครับ ผมจะพยายามตอบทุกๆคำถามเลยครับ
โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด:
- จาก 2 ถึง 4,227 ไลค์ (ละ ฿0.11) ทำยังไงมาดูกัน (โฆษณา Facebook)
- 87 สถิติที่คุณต้องรู้ (ถ้าทำโฆษณาใน Facebook)
- 43 ตัวอย่างโฆษณา Facebook ที่ (เจ๋งจนต้องร้องขอชีวิต) สำหรับปี 2018
- โฆษณา Facebook: 21 ไอเดียเจาะกลุ่มลูกค้าเด็ดๆ (ที่คุณอาจคิดไม่ถึง)
- Facebook Ads vs. Adwords อันไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากกว่ากัน?
สำหรับวันนี้ขอให้โชคดีและรวยๆขึ้นเรื่อยๆครับ!
- วิธีทำ SEO ให้ keywords ติดอันดับสูงๆ บน Google - September 29, 2022
- วิธีใช้ Instagram Hashtags อย่างเซียน แบบละเอียด (ฉบับเต็ม) - September 22, 2022
- Multi-Channel Online Marketing: คืออะไร ใช้เอาชนะคู่แข่งได้ไหม? - September 15, 2022
Comments
ขอบคุณมากครับ เนื้อหาดีมาก ผมก็กำลังอยากจะใช้อยู่เลย ดีใจที่ได้มาเจอบทความนี้ก่อนครับ!
Leave a Comment