เริ่มต้นลงโฆษณาบน Shopee แบบประหยัด (งบแค่ 1,000 บาท ก็ทำได้)

ตอนนี้ถ้าคนไทยเรานึกอยากจะซื้อของออนไลน์กัน มันคงเลี่ยงไม่ได้นะครับ ที่จะนึกถึง Shopee ก่อนเลย เป็นอันดับต้นๆ

ซึ่งตัวผมเอง ไม่ได้นักช็อปออนไลน์อย่างแท้จริงนะครับ ต้องถามเพื่อนๆ ที่เป็นผู้หญิงหลายๆ คนครับ เขาซื้อกันเยอะและบ่อยจริงๆ

และส่วนใหญ่ที่เห็นซื้อๆ กันก็คือจาก Shopee นี้แหละครับ

วันนี้ผมเลยอยากจะมาพูดถึงการทำโฆษณาใน Shopee ครับ และผมคิดว่าในสถานเศรษฐกิจแบบนี้ การที่จะทำเอาเงินเยอะๆ มาลงโฆษณา มันก็คงยาก

งั้นผมก็เลยเริ่มจากงบ 1,000 บาทก่อนเลยแล้วกันครับ (ต่ำกว่านี้ ผมกลัวว่ามันอาจจะไม่ได้ผลครับ)

ไม่พูดพล่ำทำเพลงกันแล้วครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

โฆษณาบน Shopee มันจะสำคัญขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?

ผมว่าไม่ว่าจะ platform ไหนๆ เขาก็อยากจะหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะหาจากลูกค้ากันหรือหาจากคนขาย

ถ้าเขาอยากได้รายได้เพิ่ม เขาก็จะหาวิธีเอาเงินจากเราให้ได้ครับ มันคือสัจธรรมของการไปพึ่ง platform เขาเพื่อหาเงินนะครับ

5 ผลลัพท์แรกมีแต่โฆษณาหมดเลย

ผมลองเข้าไปแล้วค้นหาคำว่า “นาฬิกาสมาร์ทวอทช์” ดูครับ เพื่อนๆ จะเห็นว่า 5 ผลลัพท์แรกนี้จะเป็นโฆษณาทั้งครับ

เพื่อนๆ ลองคิดดูนะครับ เราจะเสียเปรียบกันแค่ไหน ถ้าเป็นสินค้าใหม่แล้วยังไม่มียอดขายมากนัก ต้องมาลงขายแข่งกับคนที่ขายมานานแล้ว ยังไม่พอ! มาเจอโฆษณาแย่งการมองเห็นอีก

ยับแน่ครับแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องทำโฆษณาครับ ถ้าอยากจะเริ่มขายได้เร็วๆ นะครับ แต่ถ้าไม่มีงบมาก ยังไม่อยากทำ และใจเย็นได้ อันนี้ก็ยังไม่ต้องทำก็ได้ครับ

แต่ก่อนจะทำเลย เพื่อนๆ ต้องดูตรงนี้ก่อนนะครับ

โปรไฟล์ไม่น่าเชื่อถือ

ถ้าเพื่อนๆ เสียเงินทำโฆษณาแล้ว ผมก็อยากจะให้เพื่อนๆ ระวังตรงนี้นิดหนึ่งนะครับ อยากจะให้เพื่อนๆ ทำโปรไฟล์ให้มันดูน่าเชื่อถือหน่อย

ใส่รูปร้าน ตั้งชื่อให้มันดูมีตัวตนหน่อยครับ เพราะว่าโปรไฟล์ที่ผมคลิกเข้ามา เขาก็ทำโฆษณานะครับ

แต่คลิกเข้ามาแล้ว มันดูไม่น่าเชื่อถือเลยครับ เราจะรู้ได้ไงว่าเขาจะเอาสินค้าดีๆ มาให้เรา ขนาดโปรไฟล์เขา เขายังไม่สนใจเลย จริงไหมครับ?

โฆษณาบน Shopee แพงไหม ราคาเท่าไหร่?

อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตเลยครับ เพราะอย่างว่าครับ เรื่องเงินๆ ทองๆ มันต้องซีเรียสกันหน่อย ไม่งั้นมาทำโฆษณาก็ขาดทุนกันแย่เลยครับ

เท่าที่ผมลองทำมา โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าคลิก มันจะตกอยู่ราวๆ 2.20–4.50 บาท ต่อการคลิก 1 ครั้งครับ มีงบขั้นต่ำ 20 บาท/วัน ครับ

จริงๆ แล้วถ้าเราลองไปเทียบกับที่อื่นๆ อย่าง Facebook, Google, Instagram มันก็ยังถือว่าถูกกว่ามากๆ ครับ

แล้วมาดูๆ แล้ว เขาเป็นโฆษณาที่ค่อนข้างจะเจาะจงครับ เช่น โฆษณาให้กับคนที่ค้นหาสินค้าเราโดยเฉพาะ อันนี้จะมียอดการปิดการขายได้เยอะขึ้นมากครับ

โฆษณาบน Shopee มีอยู่กี่แบบ แบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด?

อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกครับ Shopee เขาก็คงอยากจะทำเงินให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะฉะนั้น เขาต้องหาวิธีหาเงินเข้าบริษัท จริงไหมครับ?

แทนที่จะมีโฆษณาแค่ 1 แบบ แล้วใช้กันไปเลย ไม่ได้ครับ ต้องมีหลายๆ แบบ ผมเดาว่าเขาจะสามารถคิดราคาได้ไม่เหมือนกันครับ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีไก่ 1 ตัว ขายเป็นตัวจะได้กี่บาท แต่ถ้าเอามาแยกส่วนขาย จะได้กำไรเยอะกว่า เพราะแต่ละส่วน ขายได้ไม่เท่ากัน เพื่อนๆ นึกภาพออกไหมครับ?

เรามาดูกันครับว่า Shopee เขามีอยู่กี่แบบ และแบบไหนบ้างที่จะเหมาะกับสินค้าของเพื่อนๆ ครับ

หลักๆ เลย เขาจะมีโฆษณาอยู่ 2 แบบนะครับ ผมคิดว่ามีประโยชน์ที่สุดด้วยครับ วันข้างหน้า เขาอาจจะมีเพิ่มเข้ามาอีกครับ

1.โฆษณาแบบ Search Ads 

โฆษณาแบบ Search Ads

โฆษณาในรูปแบบนี้คือการที่ลูกค้าพิมพ์คำค้นหาเข้าไป แล้วเขาก็จะเจอสินค้าที่เกี่ยวข้องพร้อมกับโฆษณาที่มีคนลงเอาไว้ (เราในอนาคต 555+)

ผมไม่ได้มีข้อมูลจาก Shopee แบบจริงจัง แต่ผมคิดว่าโฆษณาแบบนี้ น่าจะได้รับผลลัพท์ที่ดีที่สุดแล้วนะครับ

เหตุผลหลักๆ คือ มันเป็นโฆษณาที่คนใช้จริงครับ เช่น ถ้าเราจะหาซื้อพัดลม เราก็เข้าไปพิมพ์ว่า “พัดลม” “พัดลม Hatari” อะไรประมาณนี้ใช่ไหมครับ?

แล้วมันก็จะแสดงผลลัพท์ออกมา มันไม่เหมือนกับเรากำลังไถๆ feed หน้าเฟสบุ๊คอยู่ แล้วมีโฆษณาขึ้นมา (ซึ่งเป็นสินค้าที่เราอาจจะยังไม่ต้องการตอนนั้น) เราก็ยังไม่อยากจะซื้อครับ

2. โฆษณาแบบ Discovery Ads

โฆษณาแบบ Discovery Ads

โฆษณาแบบนี้ จะเป็นโฆษณาที่ว่าเราหาสินค้าเรียบร้อยแล้ว คลิกเข้าไปในร้านที่เราชอบ และเลื่อนลงมาท้ายๆ เพจครับ ผ่านรีวิวอะไรมาหมดละ

มันก็จะมีสินค้าที่เราอาจจะชอบแนะนำอีกเรื่อยๆ นั่นแหละครับ โฆษณามันจะขึ้นในนี้ครับ

โฆษณาแบบนี้ ผมคิดว่าผลลัพท์มันก็ไม่ได้แย่นะครับ เท่าที่ลองๆ มา ราคาจะถูกกว่าโฆษณาแบบ Search Ads นิดหน่อยครับ

อาจจะเป็นเพราะว่าโฆษณาแบบ Search Ads มีคนสนใจมากกว่าก็เป็นได้ครับ อย่าลืมว่า platform โฆษณาพวกนี้ เขาจะเน้นการประมูลราคาแข่งกันครับ ใครให้เยอะก็ได้ขึ้นก่อน

แล้ว Shopee เรียงโฆษณายังไง ใครขึ้นก่อน ใครขึ้นหลัง?

จริงๆ ตรงนี้ Shopee เขาอาจจะไม่ได้บอกมาตรงๆ เลยว่าเขาใช้ปัจจัยอะไรบ้างในการเรียงโฆษณาครับ แต่ถ้ามาพูดถึงสิ่งที่มันชัดเจนที่สุด ก็น่าจะเป็นการใช้เงินเข้ามาเกี่ยวข้องครับ

ใช่ครับ ใครพร้อมจ่ายเยอะกว่า ก็ขึ้นก่อนครับ

Shopee เขาเรียงลำดับโฆษณายังไง

เพื่อนๆ จะเห็นว่าผมค้นหาคำว่า “พัดลม” ไป แต่อย่างว่าครับ อันดับต้นๆ ก็จะเป็นโฆษณาครับ แล้วตรงกลางๆ เพจก็จะเป็นสินค้าที่ลงทั่วไป ที่ขายดีๆ แต่ไม่ได้ทำโฆษณา

ท้ายเพจก็มีโฆษณา

ถ้าเลื่อนลงมาท้ายๆ เพจ ก็จะมีโฆษณาอีกครับ มันสรุปได้ว่ายังไงครับ? มันแปลว่าต้นเพจกับท้ายเพจ เป็นที่ๆ มีคนดูเยอะที่สุดครับ

แต่ละส่วนของเพจก็ต้องมีราคาที่ไม่เหมือนกันครับ

  • ใครกล้าประมูลให้เยอะ/คลิก
  • ใครมีงบเยอะ ใครรันมานานกว่ากัน
  • โฆษณาใครได้ยอดคลิกเยอะ

ผมมั่นใจครับว่าหลักๆ เลย 3 ปัจจัยนี้มันสำคัญมากครับ เพราะว่าการที่เขามีคนที่กล้าให้ประมูลเยอะๆ แพงๆ เขาก็จะหาเงินเข้าบริษัทได้เยอะ อันนี้ใครๆ ก็น่าจะเดาออกครับ

แล้วมีงบเยอะ มันเกี่ยวยังไง? เกี่ยวนะครับ เพราะถ้างบน้อย รันไปนิดเดียว คนคลิกแล้ว แปปเดียวโฆษณาก็หยุด

แล้วมียอดคลิกเยอะ มันช่วยยังไง? มันแปลว่าสินค้าหรือโฆษณาของเราเป็นที่สนใจของลูกค้าเขาครับ

อย่าลืมนะครับว่าสุดท้ายแล้ว คุณภาพของโฆษณาก็สำคัญเหมือนกัน แต่ช่วงแรกๆ ก็จะเหมือน Facebook ครับ ที่เขาจะเน้นโฆษณาเยอะๆ ไว้ก่อน แล้วค่อยมาทำให้โฆษณามันสะอาดทีหลังครับ

เมื่อก่อน Facebook นี้ ใครจะโฆษณาอะไร ยังไงก็ได้ครับ ขอให้มีเงิน ถ้าไม่ผิดกฎหมายจริงๆ เขาก็ให้โฆษณาได้ไปเรื่อยๆ ก่อนครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วครับ ไล่ปิดรัวๆ เลย

ผมคิดว่า Shopee ก็อาจจะคล้ายๆ กันในช่วงแรกๆ ครับ

ตอนนี้เพื่อนๆ พอที่จะเข้าใจเข้าใจโฆษณาใน Shopee สักหน่อยแล้วใช่ไหมครับ? ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มทำโฆษณาใน Shopee กันเลยแล้วกันครับ

วิธีลงโฆษณาบน Shopee แบบง่ายๆ ไปด้วยกัน (step-by-step)

อันดับแรกเราจะกดเข้ามาที่หน้าที่เราสามารถสร้างโฆษณา Shopee ได้ เขาเรียกว่า Seller Center  นะครับ ก็จะมีทุกอย่างเกี่ยวกับโฆษณาให้เราครับ

เลือกประเภทโฆษณา

ตอนนี้เราก็จะต้องมาเลือกประเภทของโฆษณาครับ ว่าอยากจะใช้โฆษณาในรูปแบบไหน จะเป็น search ads หรือจะเป็น discovery ads

สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีงบเยอะอย่างเราในวันนี้ ผมจะเลือก Discovery ads ครับ เพราะว่าโดยรวมแล้ว ราคาคลิกมันถูกกว่าครับ

เลือกสินค้าที่จะเอาทำโฆษณา

ตอนนี้มาถึงขั้นตอนสำคัญแล้วครับ นั่นก็คือเลือกสินค้าที่จะเอามาทำโฆษณาครับ แต่ก่อนอื่น ดูข้างบนนิดหนึ่งนะครับ ตรงงบประมาณครับ

งบประมาณใน Shopee เขามีงบขั้นต่ำอยู่ที่ 20 บาท ต่อวันนะครับ จะให้โฆษณามันรันไปเรื่อยๆ หรือว่าจะให้หยุดวันไหนก็ได้ครับ เพื่อนๆ ตั้งก่อนนะครับ

เลือกสินค้าจากคลังที่มี

ตอนนี้ผมเข้ามาเลือกสินค้าจากที่ผมมีในคลังนะครับ ก็จะเลือกตัวนี้มาครับ เสร็จแล้วก็จะกด “ยืนยัน” เข้าไปได้เลยครับ

เลือก keyword เพื่อจะเริ่มทำโฆษณา

ตอนนี้เรามาถึงขั้นตอนการเลือก keyword หรือ ตั้งค่า keyword ครับ แต่จริงๆ แล้ว เท่าที่ผมเคยลองทำโฆษณาใน Shopee มา ผมคิดว่าถ้าเรามีงบไม่มาก (ซึ่งวันนี้เรามีแค่ 1,000 บาทเท่านั้น)

มันจะดีที่สุดนะครับ ถ้าเราจะปล่อยให้มันรันเป็นอัตโนมัติไปเลยครับ เพราะถ้าเราตั้งค่า keyword เราอาจจะต้องลองผิดลองถูกเรื่อง keyword อีกครับ

สำหรับผม ผมคิดว่าถ้ามีงบไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มันไม่คุ้มครับ แต่ถ้ามีงบเยอะๆ แล้ว เดี๋ยวมาว่ากันอีกทีครับ

หลังจากนั้นก็กด “เผยแพร่” ได้เลยครับ

เสร็จแล้ว สามารถกดเผยแพร่ได้เลย

ตอนที่เรากด “เผยแพร่” ครั้งแรกไปแล้ว มันจะมี popup ขึ้นให้เรากดคอนเฟิร์มครับ ว่าเรามั่นใจใช่ไหม ทุกอย่างถูกต้องนะ

ถ้าเพื่อนๆ ดูแล้ว มันโอเค ก็กด “เผยแพร่” ไปได้เลยครับ

ถ้าเราลงโฆษณาไปสักพักแล้ว Shopee ก็จะมีสถิติมาให้เราดูแบบนี้ครับ

สถิติการทำโฆษณา

ตาเพื่อนๆ เอาไปทำตาม หารายได้เองแล้ว!

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีนะครับ ที่จะเริ่มทำโฆษณาใน Shopee ครับ มันมีหลายๆ ปัจจัยหลักๆ เลย แต่ที่แน่ๆ เลย

  • ตอนนี้คู่แข่งยังไม่เยอะ โฆษณายังราคาไม่แพง
  • โฆษณายังทำไม่ยากนัก ใครๆ ก็เริ่มทำได้
  • ยังไม่โดนไล่ปิดโฆษณา เหมือน platform อื่นๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อนๆ ยังพอมีงบสักหน่อย ผมแนะนำให้ลองเข้าไปใช้งานโฆษณาใน Shopee ดูครับ

เอาจริงๆ สมัยนี้ ถ้าเราทำธุรกิจขายของ แล้วจะไม่จ่ายเงินเลย ผมว่ามันก็ทำได้นะครับ เช่น live ขายของ แต่อาจจะยากนิดหนึ่งครับ

โพสที่มีคนอ่านเยอะที่สุด: 

เพราะยังไง platform พวกนี้ เขาก็อยากจะทำเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้อยู่ละ สักวันเขาก็ต้องมาหาเงินกับพวก live อยู่ดีครับ

Joe Jitnarin
Marketing Shopee การตลาดออนไลน์สำหรับ SME วิธีเริ่มทำธุรกิจ

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Previous reading
7 สิ่งสำคัญที่คุณต้องรีบทำ หลังจาก Google’s Helpful Content Update (August 2022)
Next reading
เริ่มต้นขายของบน Facebook Marketplace ยังไง สำหรับมือใหม่ ไม่มีต้นทุน (2023)